svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เปิด 7 ปัจจัย เลือกซื้อเรือดำน้ำจีน อึด! "ดำน้ำได้ทน 21 วัน"

26 เมษายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

อีกไม่เกิน 5-6 ปีนับจากนี้ กองทัพเรือของไทยจะมีเรือดำน้ำเข้าประจำการอย่างเต็มภาคภูมิ โดยเมื่อวันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา ครม.ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีมติให้ความเห็นชอบแบบปิดลับ ให้กองทัพเรือจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีนเข้าประจำการลำแรก ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ หลังจากที่กองทัพเรือตั้งตาคอยมาเป็นเวลานานถึงกว่า 20 ปี

โดยเรือดำน้ำที่อยู่ในกระบวนการจัดซื้อจากจีนเป็นรุ่น Yuan Class S26T จากทั้งโครงการจำนวน 3 ลำ ราคารวม 3.6 หมื่นล้านบาทที่ผ่านมามีประเทศที่เสนอตัวเข้าประกวดราคาขายเรือดำน้ำให้แก่กองทัพเรือไทยจำนวน 6 ประเทศ ได้แก่ เกาหลีใต้ เยอรมนี ฝรั่งเศส สวีเดน รัสเซีย และจีน ซึ่งสุดท้ายไทยตัดสินใจเลือกจีน
เรือดำน้ำรุ่น S26T เป็นรุ่นพิเศษที่จีนต่อขึ้นสำหรับประเทศไทยเท่านั้น พัฒนาจาก Yuan Class Type 039A ตัวเรือมีขนาดยาว 77.70 เมตร กว้าง 8.60 เมตร ระวางขับน้ำขณะดำ 3,200 ตันเครื่องยนต์ดีเซลไฟฟ้า
การจัดซื้อจัดหาครั้งนี้ จึงไม่ได้มีแค่ตัวเรือเท่านั้น แต่สิ่งที่จะได้ควบคู่กันมาก็คือการฝึก การสร้างท่าจอดเรือดำน้ำ ซึ่งจีนรับปากว่าจะเพิ่มให้ รวมทั้งอุปกรณ์ท่าเรือ
ส่วนยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีที่จะติดตั้งมาด้วยเป็นส่วนควบ มีทั้งตอร์ปิโด, อาวุธปล่อยนำวิถี และขีปนาวุธต่อต้านเรือ หรือ ASM หรือ Anti-Ship missile ซึ่งเรือดำน้ำที่ประจำการอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนหลายประเทศไม่มีมิสไซล์แบบนี้
นอกจากนั้นยังมีระบบ AIP หรือ Air Independent Propulsion system ซึ่งเป็นระบบขับเคลื่อนโดยปราศจากอากาศเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ทำให้เรืออยู่ใต้น้ำได้ต่อเนื่องถึง 21 วัน โดยไม่ต้องขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อชาร์จไฟ นับว่าเป็นรุ่นที่อยู่ใต้น้ำได้นานที่สุดของเรือดำน้ำที่ไม่ได้ใช้ระบบนิวเคลียร์เป็นพลังงาน ขณะที่เรือดำน้ำปกติจะดำน้ำได้นาน 7-10 วันเท่านั้น
"สาเหตุที่กองทัพเรือเลือกซื้อจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เนื่องจากมีเหตุผล เพราะราคาถูกมาก ซึ่งเมื่อเทียบกับ 9 ประเทศ ทุกประเทศแพงกว่าทั้งหมด ซึ่งนอกจากมีราคาแพงแล้วยังไม่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ และเครื่องมือต่างๆ ติดมาด้วย และสามารถดำน้ำได้นานสูงสุด 21 วัน โดยรายละเอียดต่างๆ กองทัพเรือจะชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันเมื่อวันที่ 25 เมษายน ให้หลัง 1 สัปดาห์หลังจาก ครม.อนุมัติไปเรียบร้อยแล้ว
กระนั้นก็ตาม ก่อนหน้านี้มีเอกสารเผยแพร่ตั้งคำถามเกี่ยวกับสเปกของเรือดำน้ำจากจีน ซึ่งเชื่อว่าในระยะเวลาต่อจากนี้ กอทัพเรือจะต้องให้ความกระจ่างต่อไป ดังนี้
1.ขนาดของตัวเรือ ตามสเปกระบุชัดว่าเป็นเรือขนาดใหญ่ มีความลึกปลอดภัยขณะดำ อยู่ที่ 60 เมตร ซึ่งระดับความลึกนี้มากกว่าความลึกเฉลี่ยของอ่าวไทยที่อยู่ในระดับ 50 เมตร ขณะที่เรือดำน้ำรุ่นอื่นที่มีการเสนอราคาเข้ามาสามารถปฏิบัติการได้อย่างอิสระที่ความลึก 40 เมตร
ที่สำคัญแม้จะกำหนดพื้นที่ปฏิบัติการในพื้นที่นอกอ่าวไทย หรือทะเลอันดามันก็ตาม แต่หากเรือดำน้ำไม่สามารถดำในอ่าวไทยเพื่อเดินทางเข้าสู่พื้นที่ปฏิบัติการได้ ก็จะส่งผลต่อการรักษาความลับ หรือศัพท์ทางยุทธวิธีก็คือ "การซ่อนพราง" ย่อมส่งผลให้ภารกิจหลักเสียหายในที่สุด
จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจากกรมทรัพยากรธรณี พบว่าอ่าวไทยมีสภาพเป็นแอ่งกระทะ มีความลึกเฉลี่ย 44 เมตร อ่าวไทยตอนบนมีความลึกสูงสุดประมาณ 40 เมตรทางฝั่งขวาของอ่าว ส่วนฝั่งซ้ายจะตื้นเขินกว่า และความลึกเฉลี่ยในอ่าวไทยตอนบนเพียง 15 เมตรเท่านั้น
2.ความเร็วและระยะปฏิบัติการ ตามสเปกระบุว่า เรือสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 18 นอต ได้เพียง 10 นาที สั้นกว่าเรือดำน้ำแบบอื่นที่ทำความเร็วได้มากกว่า 20 นอต เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ขณะที่ระยะปฏิบัติการของเรือ สเปกระบุไว้เพียง 8,000 ไมล์ แต่เรือดำน้ำแบบอื่นมีระยะปฏิบัติการมากกว่า 1 หมื่นไมล์
3.ระบบ AIP หรือระบบขับเคลื่อนโดยปราศจากอากาศ ซึ่งเรือดำน้ำจีนโฆษณาว่าดำน้ำได้ต่อเนื่องถึง 21 วัน โดยไม่ต้องโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ แต่ในสเปกระบุรายละเอียดว่า ระบบ AIP สามารถใช้งานลาดตระเวนได้เพียง 10 วันเท่านั้น ขณะที่เรือดำน้ำทั่วไปที่มีระบบ AIP ใช้งานได้มากกว่า 2 สัปดาห์ หรือ 14 วัน
4.อายุการใช้งาน ตามสเปกเรือดำน้ำจีนระบุว่ามีอายุการใช้งาน 25 ปี แต่เรือดำน้ำแบบอื่นมีอายุการใช้งาน 35 ปีขึ้นไป
5.อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ตามสเปกระบุว่ามีอายุการใช้งานเพียง 200 รอบการชาร์จ ขณะที่แบตเตอรี่ของเรือดำน้ำแบบอื่นมีอายุการใช้งานมากกว่า 1,200 รอบการชาร์จ และการเปลี่ยนแบตเตอรี่แต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก
6.การหนีจากเรือดำน้ำ ด้วยชุดหนีภัยเรือดำน้ำ เพื่อให้กำลังพลประจำเรือหนีออกจากเรือได้หากมีปัญหาหรือถูกโจมตี ตามสเปกของเรือดำน้ำจีนระบุว่า สามารถทำการหนีได้ในระดับความลึกเพียง 100 เมตร แต่เรือดำน้ำแบบอื่นสามารถทำการหนีได้ในระดับความลึกมากกว่า 180 เมตร
7.ระบบอาวุธ นอกจากตอร์ปิโดลูกจริงเพียง 4 ลูก สำหรับเรือดำน้ำ 3 ลำ ตามที่ทราบกันแล้ว ระบบอาวุธประจำเรือยังตรวจจับเป้าหมายได้ 64 เป้าหมาย แต่ติดตามการเคลื่อนที่ของเป้าหมายเหล่านั้นได้เพียง 4-6 เป้าหมาย และสามารถยิงอาวุธได้ไม่เกิน 2 ลูกพร้อมกัน ขณะที่เรือดำน้ำแบบอื่นสามารถตรวจจับและติดตามการเคลื่อนที่ของเป้าหมายได้มากกว่า 100 เป้าหมาย และสามารถยิงอาวุธได้มากกว่า 4 ลูกพร้อมกัน
ทั้ง 7 ข้อคือคำถามเรื่องคุณภาพและความคุ้มค่าที่กองทัพเรือในฐานะผู้จัดซื้อ และเตรียมผูกพันงบประมาณนานถึง 11 ปี ต้องตอบให้เคลียร์!

logoline