ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ หลังปิดหีบเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ ของ3 สำนักจัดทำโพลล์ ระบุตรงกัน นายเอมมานูเอล มาครง ได้คะแนนเสียงสูงสุด เข้าไปชิงการเลือกตั้งรอบ 2 วันอาทิตย์ที่ 7 พ.ค. ที่จะถึงนี้ กับนางมารีน เลอแปน จากพรรคแนวร่วมแห่งชาติ ที่ได้คะแนนตามมาเป็นอันดับ 2
การเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีผู้สมัครลงแข่งขัน 11 คนด้วยกัน แต่ต้องสรรหาผู้ได้คะแนนสูงสุด 2 คนแรกเท่านั้น เพื่อเข้าสู่การเลือกตั้งรอบสองตามกำหนดในวันอาทิตย์ที่ 7 พ.ค.ที่จะถึง
ผลลงคะแนนเสียงรอบแรกออกมาแบบนี้ ทำให้นายมาครง อดีตนายธนาคารวัย 39 ปีก้าวขึ้นมาเป็นตัวเต็งว่าจะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 7 พ.ค.นี้และได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ และหากนายมาครงได้รับเลือกตั้งจริง ก็จะกลายเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ร่วมสมัย ที่ชูนโยบายนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ หลังจากประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายกับการเมืองฝรั่งเศสแบบเดิมๆ
นายมาครง มาจากเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส เป็นนักเปียโนฝีมือดี แต่งงานตั้งแต่อายุ 17 ปี กับ บริจิตต์ โทรนเญอซ์ ครูสอนการแสดงโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นแม่ม่ายลูกติด 3 ที่มีอายุห่างกับมาครงถึง 24 ปี
แม้มาครง จะถูกมองว่าเป็นคนนอกวงการการเมือง แต่เขาก็ผ่านการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของฝรั่งเศส ที่ถูกมองว่าเป็นโรงเรียนเตรียมความพร้อมสำหรับข้าราชการระดับสูงและผู้นำประเทศในอนาคตอย่างอีเอ็นเอ
ช่วงปี 2554-2555 มาครง เข้าสู่วงการการเงินการธนาคาร สามารถสร้างฐานะได้ในอาชีพวาณิชธนกิจที่ธนาคารรอธส์ไชลด์ และในปี 2555 ก็ก้าวขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับฟรองซัวส์ ออลลองด์ ก่อนที่จะกลายเป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจในอีก 2 ปีต่อมา
ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นบทพิสูจน์สำคัญของมาครอง มาลุ้นกันว่าชาวปารีเซียงพร้อมจะสนับสนุนแนวคิดของเขาที่สนับสนุนสหภาพยุโรป สนับสนุนเสรีนิยมโลกาภิวัฒน์ในเวลาที่แนวคิดชาตินิยมขวาจัด กำลังคว้าชัยในการเลือกตั้งในหลายประเทศทั่วโลกหรือไม่