นางรุสเซฟฟ์ที่ถูกพักราชการตั้งแต่เดือนพ.ค เข้าให้การต่อวุฒิสภาเมื่อวันจันทร์ โดยใช้เวลาแถลง 45 นาทีและตอบข้อซักถามของวุฒิสมาชิกหลายสิบคนรวมกว่า 14 ชั่วโมงจนเสร็จสิ้นก่อนเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่น รุสเซฟฟ์ ย้ำปฏิเสธข้อกล่าวหาในคำร้องขอถอดถอนเธอที่ระบุว่าเธอละเมิดกฎหมายว่าด้วยความรับผิดชอบทางการคลังจากกรณีรัฐบาลของเธอยืมเงินจากธนาคารของรัฐอย่างไม่ถูกกฎหมายเพื่อนำไปปกปิดยอดขาดดุลงบประมาณในปี 2557
แม้เธอยอมรับว่ารัฐบาลทำสิ่งผิดพลาด แต่ยืนยันว่าไม่เคยทรยศต่อความไว้วางใจของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง เธอไม่ได้ก่ออาชญากรรมอย่างที่ถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม และบอกด้วยว่า ไม่มีเหตุผลชอบธรรมใดที่จะถอดถอนเธอออกจากตำแหน่ง พร้อมทั้งยืนยันว่าเธอเป็นผู้บริสุทธิ์
รุสเซฟฟ์ ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของบราซิล วัย 68 ปี ยังกล่าวด้วยว่า กระบวนการพิจารณาไต่สวนถอดถอนเธอเป็นเพียงความพยายามก่อรัฐประหารโค่นล้มเธอ
แต่วุฒิสมาชิก แย้งว่า กระบวนการพิจารณาครั้งนี้ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 4 กระทำการภายใต้กฎหมาย
ขณะที่รุสเซฟฟ์ กล่าวปิดท้ายเรียกร้องให้วุฒิสมาชิกออกเสียงคัดค้านการถอดถอนเธอและออกเสียงเพื่อประชาธิปไตย
สื่อคาดว่า การลงมติถอดถอนรุสเซฟฟ์จะมีขึ้นในวันนี้และอาจยืดเยื้อถึงวันพุธ โดยจำเป็นต้องมีเสียงมากถึง 2 ใน 3 ของวุฒิสภาหรือ 54 เสียงจาก 81 เสียงจึงจะถอดถอนเธอได้ หากเธอต้องพ้นตำแหน่ง นายมิเชล เตแมร์ รองประธานาธิบดีที่รักษาการตำแหน่งประธานาธิบดี จะเข้ารับตำแหน่งต่อจนครบวาระของรุสเซฟฟ์ถึงปี 2561 และรุสเซฟฟ์จะถูกห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 8 ปี
ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนของรุสเซฟฟ์ออกมาเดินขบวนต่อต้านการถอดถอนทั้งในเมืองเซาเปาโล, นคร ริโอ เด จาเนโร, กรุงบราซิเลีย และหลายเมืองใหญ่เมื่อวาน และมีรายงานการปะทะระหว่างผู้ประท้วงและตำรวจปราบจลาจลที่ยิงแก๊สน้ำตาสลายผู้ชุมนุม