เวเนฯขีดเส้นตายสหรัฐฯ ลดเจ้าหน้าที่สถานทูต

นางเดลซี รอดริเกซ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เรียกตัวนายลี แมคเคลนนีย์ อุปทูตสหรัฐประจำกรุงคารากัสเข้าพบที่กระทรวงเมื่อวานเพื่อแจ้งให้ทราบว่าเวเนซุเอลาจะให้เวลาสหรัฐ 15 วันเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับแผนลดจำนวนเจ้าหน้าที่ในสถานทูตจาก 100 คนเหลือเพียง 17 คน ตามคำสั่งของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร่ ที่ประกาศไว้เมื่อวันเสาร์ 
เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นจุดตกต่ำที่สุดของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศนับตั้งแต่นายมาดูโร่ชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2556 โดยมาดูโร่มักกล่าวหาว่าสหรัฐจ้องโค่นล้มรัฐบาลของเขา 
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเขาประกาศต่อฝูงชนผู้สนับสนุนด้วยถ้อยคำแข็งกร้าวโดยประกาศรายชื่อผู้ก่อการร้ายสหรัฐที่ห้ามเข้าประเทศ ซึ่งในรายชื่อมีทั้งอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช, อดีตรองประธานาธิบดีดิ๊ก เชนีย์, อดีตผู้อำนวยการซีไอเอ จอร์จ เทเน็ต และสมาชิกสภาคองเกรสบางคน พร้อมกันนี้สั่งลดเจ้าหน้าที่สถานทูตเวเนซุเอลาในกรุงวอชิงตันเหลือเพียง 17 คนและให้สหรัฐลดเจ้าหน้าที่สถานทูตในกรุงคารากัสเหลือ 17 คนเท่ากัน  รวมถึงจะคิดค่าธรรมเนียมการขอวีซ่ากับชาวอเมริกันเท่ากับจำนวนเงินที่ชาวเวเนซุเอลาต้องจ่ายในการขอวีซ่าเข้าสหรัฐ
ความตึงเครียดล่าสุดระหว่างสองประเทศเริ่มจากมาดูโร่กล่าวเมื่อวันที่ 12 ก.พ.ว่าสามารถทำลายแผนการก่อรัฐประหารที่ได้รับการหนุนหลังจากสหรัฐ แต่สหรัฐปฏิเสธข้อกล่าวหา และในอีกไม่กี่วันต่อมา ตำรวจเวเนซุเอลาจับกุมนายกเทศมนตรีกรุงคารากัสด้วยข้อกล่าวหาสมรู้ร่วมคิดวางแผนโค่นล้มรัฐบาล  นอกจากนี้เมื่อสุดสัปดาห์ผู้นำเวเนซุเอลาอ้างว่าจับกุมชาวอเมริกันไว้จำนวนหนึ่ง ซึ่งรวมถึงนักบินที่ต้องสงสัยเป็นสายลับ ขณะที่มิชชันนารีชาวอเมริกัน 4 คนที่ถูกกักตัวไว้สอบปากคำ 2-3 วันได้รับการปล่อยตัวแล้ว 
แต่โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ แถลงตอบโต้เมื่อวานว่า ข้อกล่าวหาของเวเนซุเอลาไม่มีมูลความจริง และยืนยันสหรัฐไม่ได้แทรกแซงกิจการในเวเนซุเอลา