อียูเตรียมขยายมาตรการ คว่ำบาตรรัสเซีย

ผู้นำอียู ได้ให้เวลาคณะกรรมาธิการยุโรป หรือ อีซี เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อยื่นข้อเสนอสำหรับบทลงโทษ ซึ่งถือเป็นการเปิดทางที่ชัดเจนไปสู่การขยายมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งนอกเหนือจากมาตรการเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ซึ่งได้แก่ การระงับการทำธุรกรรมกับธนาคารภาครัฐของรัสเซีย, การยุติการค้าอาวุธ, จำกัดการขายพลังงานและเทคโนโลยีด้านพลเรือนและการทหาร แต่ไม่รวมถึงเทคโนโลยีด้านการผลิตก๊าซ การจัดหาก๊าซและสินค้าประเภทอื่น ๆ จากรัสเซีย
นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ ที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดที่กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม กล่าวว่า ได้มีการกำหนดเวลาสำหรับการใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซียแล้ว และเตือนรัสเซียว่า เสี่ยงที่จะถูกโดดเดี่ยว ถ้าวิกฤตการสู้รบในยูเครนยังคงขยายเพิ่มขึ้น ขณะที่นายกรัฐมนตรีแองเกล่า แมร์เคิล ของเยอรมนี กล่าวว่า สถานการณ์รุนแรงขึ้นอย่างมากในช่วงวันที่ผ่านมา และถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป อียูก็จะตัดสินใจใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมอีกภายในสัปดาห์นี้ 
การประชุมสุดยอด มีขึ้นในขณะที่กองกำลังทหารของยูเครน กำลังถอนออกจากบางพื้นที่ หลังจากองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต ระบุว่า รัสเซียส่งทหารและยุทโธปกรณ์ที่มีความทันสมัยเข้าไปในยูเครน ซึ่งประธานาธิบดีเปโทร โปโรเชนโก้ ของยูเครน กล่าวว่า สถานการณ์ใกล้จะเลยจุดหวนกลับแล้ว ตอนนี้มีทหารต่างชาติหลายพันนาย และรถถังต่างชาติอีกหลายร้อยคัน เข้าไปอยู่ในดินแดนของยูเครน 
อียูและสหรัฐ ต่างก็คว่ำบาตรรัสเซียด้วยการงดออกวีซ่าและอายัดทรัพย์บุคคลและบริษัทของรัสเซียก่อนหน้านี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีแมร์เคิล กล่าวว่า กำลังมองหามาตรการเพิ่มเติม ที่รวมถึงอุตสาหกรรมด้านพลังงานและการเงิน แต่บรรดาผู้นำอียู ไม่สามารถตกลงกันได้ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน โดยเฉพาะผู้นำหญิงของเยอรมนี ที่บอกว่า เธอคัดค้านการส่งมอบอาวุธให้ยูเครน เนื่องจากจะยิ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า ความขัดแย้งครั้งนี้ต้องแก้ไขด้วยปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งเธอไม่เห็นด้วย