ชาวนาเกือบทั้งหมู่บ้านที่อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ปลูกข้าวโพดพืชใช้น้ำน้อย นำผลผลิตวางขายตามเพิงริมถนนช่วงหน้าแล้ง มีรายได้งามวันละ 2 3 พันบาท โดยชาวบ้านส่วนมากลงทุนเจาะน้ำบาดาลใช้ในการเพาะปลูก
เนื่องจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติมีสภาพตื้นเขิน ขณะจังหวัดประกาศภัยแล้งแล้ว 2 อำเภอ ชาวบ้านบ้านหนองหว้า ต.หนองขมาร อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ เกือบทั้งหมู่บ้านกว่า 60 ครัวเรือน ได้ใช้พื้นที่ทุ่งนาหลังเก็บเกี่ยวข้าว ปลูกข้าวโพดซึ่งเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย ไม่ต้องเสี่ยงกับภาวะภัยแล้ง เป็นอาชีพเสริมประสบผลสำเร็จ นำผลผลิตมาต้มและขายสดวางจำหน่ายตามเพิงริมถนนสายบุรีรัมย์ พุทไธสง
ซึ่งเป็นถนนสายหลักผ่านหมู่บ้าน ทั้งขายปลีกและส่งให้ประชาชนที่ขับรถสัญจรผ่านไปมา ทำให้มีรายได้เฉลี่ยวันละ 2,000 - 3,000 บาท สามารถสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวโดยไม่ขัดสน จากปกติทุกปีหลังเก็บเกี่ยวจะพากันอพยพเคลื่อนย้ายออกไปหาทำงานรับจ้าง ยังนอกพื้นที่และต่างจังหวัดกันเป็นจำนวนมาก ส่วนน้ำที่ใช้ในการปลูกข้าวโพดชาวบ้านส่วนใหญ่จะลงทุนเจาะน้ำใต้ดินหรือน้ำบาดาล เนื่องจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติมีสภาพตื้นเขิน
นางนวย เจริญรัมย์ ชาวบ้านบ้านหนองหว้า บอกว่าหลังเสร็จจากการเก็บเกี่ยวข้าว ก็จะปรับพื้นที่นาหันมาปลูกข้าวโพด เพราะเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย โดยจะลงทุนเจาะน้ำบาดาลหรือน้ำใต้ดินใช้ในการเพาะปลูก เนื่องจากปีนี้แหล่งน้ำตามธรรมชาติมีสภาพตื้นเขิน ส่วนผลผลิตที่ได้ก็จะนำไปขายสดและต้มสุดวางขายตามเพิงริมถนน
แต่ละวันก็จะขายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท หากเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ขายได้วันละ 2,000 3,000 บาท เพระมีคนขับรถสัญจรผ่านไปมาตลอดทั้งวันที่มาจอดแวะซื้อ ซึ่งถึงแม้จะเป็นช่วงระยะสั้นๆ เพียง 4 5 เดือน แต่ก็เป็นรายได้ที่สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ โดยไม่ต้องอพยพไปทำงานต่างถิ่น