svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

จับตาการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน คาด สี จิ้นผิง จะยังคงทำหน้าที่ผู้นำสูงสุดต่อไป

16 ตุลาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

การประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 18 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะมีขึ้นทุก 5 ปี เพื่อจะกำหนดตัวผู้นำประเทศรุ่นใหม่ และการเปลี่ยนแปลงผู้นำคนสำคัญๆ แต่คาดว่าสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนและผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ในปัจจุบัน และยังดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดด้วย จะยังคงทำหน้าที่ผู้นำสูงสุดต่อไปเป็นสมัยที่ 2 จนถึงปี 2022


สี จิ้นผิง ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้รับความไว้วางใจจากกรมการเมืองให้เป็นผู้นำเสนอรายงานความคืบหน้ารวมกว่า 454 หน้าจากการหารือร่วมกันในที่ประชุม
ในการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 19 ถูกจับตามองมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่งในประเด็นทางเศรษฐกิจ เนื่องจากจีนมีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 18% ของจีดีพีโลกเมื่อวัดตามอำนาจการซื้อของประชาชน หรือมีสัดส่วนมากถึง 15% บนฐานกำลังซื้อที่ใช้เป็นสกุลเงินดอลลาร์ โดยเฉพาะปัญหาหนี้สินของประเทศที่พุ่งขึ้นในปัจจุบันจนแตะระดับ 260% ของจีดีพี เป็นภาระที่ท้าทายการบริหารนับจากนี้ไปอีก 5 ปี

1. คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 18 ปิดฉากการประชุมครั้งที่ 7 เป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันศุกร์ ณ กรุงปักกิ่ง โดยที่ประชุมมีมติให้จัดการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 ในวันที่ 18 ต.ค.นี้
สี จิ้นผิง เลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้รับความไว้วางใจจากกรมการเมืองให้เป็นผู้นำเสนอรายงานความคืบหน้ารวมกว่า 454 หน้าจากการหารือร่วมกันในที่ประชุม
ทั้งนี้ การประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 18 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะมีขึ้นทุก 5 ปี เพื่อจะกำหนดตัวผู้นำประเทศรุ่นใหม่ และการเปลี่ยนแปลงผู้นำคนสำคัญๆ แต่คาดว่าสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนและผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ในปัจจุบัน และยังดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดด้วย จะยังคงทำหน้าที่ผู้นำสูงสุดต่อไปเป็นสมัยที่ 2 จนถึงปี 2022


2. การประชุมครั้งสำคัญครั้งนี้ยังรวมถึงเรื่องการปฏิรูปกองทัพที่มีการกระชับอำนาจทางการทหารของประเทศมากขึ้น และเป็นไปในกว้างขวางอย่างต่อเนื่อง ที่ไม่เพียงแต่ปลดผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่พัวพันการทุจริตคอร์รัปชันอย่างการซื้อขายตำแหน่งเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมุ่งมั่นจัดระบบใหม่เพื่อให้การบริหารกองทัพมีความทันสมัยขึ้น ที่เน้นไปที่การสลายอำนาจของกองบัญชาการใหญ่ 4 ภาค ซึ่งทำหน้าที่เป็นเสมือนแขนขาของรัฐบาล แต่กลับไปขัดขวางการใช้อำนาจของคณะกรรมาธิการกลางการทหารที่นำโดยพลเรือน และสิ่งสำคัญในการปฏิรูปอีกอย่างหนึ่ง ก็คือการผองถ่ายอำนาจในกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนไปยังกลุ่มนายพลเลือดใหม่ ที่มีความจงรักภักดีต่อประธานาธิบดีสีขึ้นสู่ตำแหน่งสูงในกองทัพ



3. พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีผู้แทนทั้งสิ้น 2,300 คน แต่มีคนได้รับเลือกให้เข้าร่วมประชุมครั้งนี้เพียง 2,287 คน เพราะบางคนขาดคุณสมบัติ เนื่องจากมีความประพฤติไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะเลือกคณะกรรมการกลาง (Central Committee) ที่ทรงอำนาจ ซึ่งมีสมาชิกราว 200 คน เพื่อที่จะทำการประกาศชื่อผู้นำรุ่นใหม่ของจีน โดยจะมีขึ้นที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง
โดยที่คณะกรรมการกลางชุดนี้จะทำหน้าที่เลือกคณะกรรมการกรมการเมือง (Politburo) มีสมาชิก 25 คน และจากนั้นจะมีการเลือกคณะกรรมการประจำกรมการเมือง (Politburo Standing Committee) มีสมาชิก 7 คน อย่างไรก็ตาม ก่อจะมาถึงขั้นตอนทางการเมืองต่างๆ นั้น มีการจับตามองว่า จะมีการเปลี่ยนตัวคณะกรรมการกลางของพรรคถึง 70% ซึ่งถือเป็นการปรับเปลี่ยนมากที่สุดนับแต่การประชุมใหญ่ระดับชาติของพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 9 ในปี 1969 ซึ่งเป็นช่วงที่จีนอยู่ระหว่างการปฏิวัติวัฒนธรรม



4. ทิศทางนโยบายการเมืองของจีนในช่วง 5 ปีข้างหน้า จีนก็จะยังคงอยู่ในแนวทางเดิมต่อไป ในการบริหารประเทศเพื่อสร้างเสถียรภาพหรือไม่ ภายใต้วิชั่นของปรธานาธิบดีสี จิ่นผิง ที่ประกาศจะยึดแบบแผนนโยบายบริหารประเทศจนถึงปี 2030
นับตั้งแต่การขยายโครงการของจีนในทะเลจีนใต้ ยุทธศาสตร์ One Belt One Road ตามเส้นทางสายไหมใหม่ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นโครงการด้านการค้าขนาดใหญ่ ไปจนถึงการวางตำแหน่งของจีนให้เป็นชาติอภิมหาอำนาจ เทียบกับสหรัฐในยุคที่อยู่ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ยังคงกดดันนโยบายของจีนต่อเก่หลีเหนือที่สหรัฐถือเป็นภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์ในปัจจุบัน



5. ในการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 19 ถูกจับตามองมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่งในประเด็นทางเศรษฐกิจ เนื่องจากจีนมีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 18% ของจีดีพีโลกเมื่อวัดตามอำนาจการซื้อของประชาชน หรือมีสัดส่วนมากถึง 15% บนฐานกำลังซื้อที่ใช้เป็นสกุลเงินดอลลาร์
โดยเฉพาะปัญหาหนี้สินของประเทศที่พุ่งขึ้นมากในปัจจุบันจนแตะระดับ 260% ของจีดีพี เป็นภาระที่ท้าทายการบริหารนับจากนี้ไปอีก 5 ปี ถึงแม้ว่าจากการประเมินล่าสุดของธนาคารโลกมีการปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าจะขยายตัว 6.7% ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.2% จากการคาดเดิม

logoline