svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

จับตาประชุมใหญ่พรรคคอมมูนิสต์จีน 18 ต.ค.นี้ จะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายบริหารประเทศในทศหน้าอย่างไร

18 กันยายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จับตาประชุมใหญ่สมัชชาประชาชนของพรรคคอมมูนิสต์จีน 18 ตุลาคมนี้ จะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายบริหารประเทศในทศหน้าอย่างไรในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจทุก 5 ปี โดยจะมีการประเมินผลงานของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ประกาศเป็นนโยบายบริหารประเทศไปจนถึงปี 2025 นำอนาคตจีนสู่ยุคการเติบโตจากภายใน พร้อมๆ กับการเปิดประตูการค้าการลงทุนในเวทีโลกตามยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมใหม่ ขณะที่ตลาดคาดธนาคารกลางจีนจะจัดการเด็ดขาด เพื่อให้ตลาดการเงินไม่ให้เกิดความปั่นป่วนตลอดช่วงเวลาการประชุมดังกล่าว

ขณะที่ Jim Roger กูรูการเงินและอดีตผู้บริหารกองทุนเฮจฟันด์ เชื่อว่า การเปิดสงครามการค้าของสหรัฐกับจีนล่าสุดนี้ จะเป็นจุดจบในการเป็นมหาอำนาจโลกของสหรัฐ เพราะเท่ากับเป็นการเร่งให้จีนใช้นโยบายการเงินที่เป็นทางเลือกใหม่ ซึ่งจะไม่ใช้เงินดอลลาร์ในเวทีการค้าและการลงทุน แต่จะหันไปใช้เงินหยวนมากขึ้น และจะเป็น Game Changer ครั้งใหญ่สำหรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ของโลกที่เคยถูกครอบงำด้วยเงินดอลลาร์

เวทีเสวนา BIS หรือธนาคาเพื่อการชำระเงินระหว่างประเทศ (Bank For International Settlements) ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ชี้ว่า ปรากฏการณ์ที่สร้างความยุ่งยากเกิดขึ้นกับ Cryptocurrencies เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากการดำเนินการที่ผิดพลาดในตลาดการเงินจีน ที่มีความพยายามจะนำเรื่องปัญหาเกาหลีเหนือเพื่อพยายามผลักดันให้ราคา Bitcoin ที่มีการซื้อขายเป็นเงินหยวนพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ในที่สุดส่งผลให้ธนาครกลางจีนต้องเข้าแทรกแซง ซึ่งสร้างความยุ่งยากต่อตลาดการซื้อขาย Bitcoin

1.ในการประชุมใหญ่สมัชชาประชาชนของพรรคคอมมูนิสต์จีนวันที่ 18 ตุลาคมนี้ ที่กรุงปักกิ่ง จะเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ถูกจับตามองว่าจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายบริหารประเทศในทศหน้าอย่างไรในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจทุก 5 ปี โดยจะมีการประเมินผลงานของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ประกาศเป็นนโยบายบริหารประเทศไปจนถึงปี 2025 นำอนาคตจีนสู่ยุคการเติบโตจากภายใน พร้อมๆ กับการเปิดประตูการค้าการลงทุนในเวทีโลกตามยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมใหม่
ขณะที่ตลาดเชื่อว่าธนาคารกลางจีนจะเข้าแทรกแซงและจัดการขั้นเด็ดขาดกับนักปั่นราคาในตลาด เพื่อให้ตลาดการเงินไม่ให้เกิดความปั่นป่วนตลอดช่วงเวลาการประชุมดังกล่าว หลังจากตลอดเวลาที่ตลาดหุ้นจีนต้องประสบกับภาวะวิกฤติจนตกต่ำลงตั้งแต่ช่วงกลางปี 2015 โดยที่ธนาคารกลางจีนมีการจับกุมโบรกเกอร์ที่เข้าเก็งกำไรจนทำให้ตลาดปั้นป่วนมาเป็นระลอก
จนกระทั่งปัจจุบันดัชนีราคาหุ้นเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตมีการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้อยู่ในระดับที่สุดในรอบ 20 เดือน ขณะที่ค่าเงินหยวนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ก็มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นถึง 6.4% นับจากต้นปีนี้


2.อีกประเด็นที่ตลาดจับตามองมากที่สุดเช่นกันในการประชุมสมุชชาใหญ่พรรคคอมมูนิสต์จีนในครั้งนี้ ก็คือนโยบายอย่างเป็นทางการในการประกาศสงครามการค้าของจีนกับสหรัฐ สืบเนื่องมาจากการเปิดประเด็นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีคำสั่งให้ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ตรวจสอบพฤติกรรมการค้าเอาเปรียบและมีการละมิดทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ
รวมถึงก่อนหน้านั้นมีคำสั่งให้กระรวงการคลังสหรัฐและทีมงานทำเนียบขาวตรวจทิศทางการเปลี่ยนแปลงของเงินหยวนที่อ่อนค่าเพื่อให้เกิดความได้เปรียบทางการค้า ซึ่งทำให้สหรัฐต้องขาดดุลการค้ากับจีนเป็นมูลค่าสูงถึง 3.5 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว จนกลายเป็นภาวะสงครามเย็นทางด้านการค้าระหว่าง 2 ประเทศในขณะนี้
ทำให้ Jim Roger กูรูการเงินและอดีตผู้บริหารกองทุนเฮ็ดจ์ฟันด์ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์โดยเชื่อว่า การเปิดสงครามการค้าของสหรัฐกับจีนล่าสุดนี้ จะเป็นจุดจบในการเป็นมหาอำนาจโลกของสหรัฐ เพราะเท่ากับเป็นการเร่งให้จีนใช้นโยบายการเงินที่เป็นทางเลือกใหม่ ซึ่งจะไม่ใช้เงินดอลลาร์ในเวทีการค้าและการลงทุน แต่จะหันไปใช้เงินหยวนมากขึ้น เช่นเดียวกับที่ทำสัญญาการค้ากับรัสเซีย รวมถึงอิหร่าน ปากีสถาน เวียดนาม
รวมทั้งการลงทุนที่รัฐบาลจีนเข้าไปสนับสนุนทางการเงิน โดยมีการให้เงินช่วยเหลือและปล่อยกู้แบบผ่อนปรนในรูปเงินหยวนสำหรับโครงการลงทุนในลาตินอเมริกา และอีกหลายประเทศในแอฟริกา

3.นี่คือสิ่งที่ Jim Roger ชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะเป็น Game Changer ครั้งใหญ่สำหรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ของโลกที่เคยถูกครอบงำด้วยเงินดอลลาร์ ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันหนึ่งวันใด
ถึงแม้ว่าสถิติปริมาณการค้าของโลกในปจจุบันมีการใช้เงินดอลลาร์ราว 2 ใน 3 ก็ตาม ที่สำคัญคือบทบาทของจีนในฐานะที่เป็นประเทศที่ถือบอนด์รัฐบาลสหรัฐกลายเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ หากมีการเทขายสินทนีพย์เงินดอลลาร์ออกมาจะส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัว ในที่สุดก็จะต้องเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้ออย่างรุนแรง (Hyperinflatio) ในอนาคต ซึ่งเป็นความเห็นอีกมุมหนึ่งของ Chris Martenson

4.เวทีเสวนา BIS หรือธนาคาเพื่อการชำระเงินระหว่างประเทศ (Bank For International Settlements) ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ชี้ว่า ปรากฏการณ์ที่สร้างความยุ่งยากเกิดขึ้นกับ Cryptocurrencies เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากการดำเนินการที่ผิดพลาดในตลาดการเงินจีน ที่มีความพยายามจะนำเรื่องปัญหาเกาหลีเหนือเพื่อพยายามผลักดันให้ราคา Bitcoin ที่มีการซื้อขายเป็นเงินหยวนพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง จนพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ 4,950 ดอลลาร์ต่อ 1 Bitcoin
ในที่สุดก็ส่งผลให้ธนาครกลางจีนต้องเข้าแทรกแซงสั่งยุติการซื้อขาย Bitcoin ของสถาบันการเงินจีน รวมทั้งระงับการเปิดตัวในการซื้อขาย Bitcoin ที่จะมีขึ้นเป็นทางการในวันที่ 30 กันยายนนี้ ส่งผลให้ราคา Bitcoin ดิ่งลงมากกว่า 30% จนหลุดระดับ 3,000 ดอลลาร์ ซึ่งสร้างความยุ่งยากต่อตลาดการซื้อขาย Bitcoin
ทั้งนี้ วิกฤติ Bitcoin ที่เกิดขึ้นส่งผลต่อสภาพคล่องของกองทุนเฮ็ดจ์ฟันด์ที่แห่เปิดตัวใหม่นับร้อยกองทุนในเดือนที่ผ่านมา จนต้องมีการปรับตัว ซึ่งก็ส่งผลต่อความผันผวนในการปรับตัวลงของดัชนีหุ้น S&P500 ของสหรัฐ ลดลงถึง 8% ในช่วงที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน

5.กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐ สำนักงานสืบสวนกลางหรือเอฟบีไอ เตรียมพร้อมมาตรการรักษาความปลอดภัยในระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่จะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 18 กันยายน ที่นิวยอร์ก โดยที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เป็นครั้งแรก รวมทั้งการเข้าร่วมประชุมของผู้นำจากหลายประเทศทั่วโลกที่ให้ความสำคัญการประชุมในครั้งนี้ ท่ามกลางกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงวางแผนรวมตัวเดินขบวนประท้วง
ทั้งนี้ ประเด็นที่มีการจับตามองมากที่สุด คาดว่าจะมีการหารือในการประชุมดังกล่าว คือเรื่องแนวทางการรับมือกับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ซึ่งก่อให้เกิดสถานการณ์ตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีมากขึ้น โดยเฉพาะการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีทรัมป์ถูกจับตาว่า จะกล่าวถึงบทบาทและความคาดหวังที่มีต่อรัสเซียและจีนในการร่วมแก้ปัญหาเกาหลีเหนือโดยตรงหรือไม่

logoline