ขับเคลื่อนการลงทุนพื้นที่ EEC

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ดร.อุตตม สาวนายน เปิดเผยถึงการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ EEC ว่าขณะนี้มีนักลงทุนที่สนใจในโครงการ EEC จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ และบางส่วนกำลังมีการศึกษาถึงโอกาสในการลงทุน โดยระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก มีฐานจาก อีสเทริ์นซีบอร์ด รวมทั้งที่ตั้งของภาคตะวันออกเป็นจุดเชิงพาณิชย์ คมนาคมก่อนจะมีการขยายการพัฒนาไปสู่พื้นที่อื่นๆในประเทศ

ทางด้าน ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) วีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ประเมินว่า จะมีการลงทุนของภาคอุตสาหกรรมประมาณ5แสนล้าน ใช้พื้นที่ที่การนิคมจะพัฒนาขึ้นมา ในช่วง5ปีประมาณ 5หมื่นไร่ ขณะนี้มีพื้นที่พร้อมใช้งาน 1หมื่น2พันไร่ และอยู่ระหว่างการพัฒนา1หมื่น5พัน ไร่ โดยจะมีการเร่งในช่วง3ปีแรกให้มีพื้นที่เพียงพอต่อการใช้งานได้ทันตลอด5ปี ขณะที่ผลตอบรับจากนักลงทุนสนใจทางด้าน อี คอมเมริ์ท การค้าขายผ่านตลาดอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงยานยนต์ไฟฟ้า อากาศยาน การผลิตชิ้นส่วน

เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ดร.คณิศ แสงสุพรรณ บอกว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกโดยตรง คาดว่าแล้วเสร็จไม่เกินต้นเดือนหน้าและนำเข้าสภา ในช่วงระหว่างรอกฎหมายเสร็จก็มีการตั้งคณะกรรมการเข้ามาทำงานแล้ว โดยมีนายกฯ เป็นประธาน

ซึ่งในวันที่ 5 เมษายน นี้ นายกฯ จะลงพื้นที่สนามบินอู่ตะเภา เป็นการประชุมใหญ่นัดแรกของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยในปีหน้า 2561 จะมีการนำ 5 โครงการหลักที่เรียกว่าเป็นกระดูกสันหลังของ อีอีซี มาดำเนินการก่อน จาก 15 โครงการ ใน 4 กลุ่มประกอบด้วย
1.การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์2.รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกที่จะเชื่อมโยง 3 สนามบิน3.การพัฒนาท่าเรือ 3 แห่ง คือ ท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ท่าเรือสัตหีบ และท่าเรือมาบตาพุดของ การนิคม4.อุตสาหกรรมเป้าหมาย ในเรื่องกฎระเบียบ สิทธิประโยชน์เสร็จแล้วโดยจะเริ่มนำเข้าครม.พิจารณา และขอส่งเสริมการลงทุนแล้วและ5.เมืองใหม่ ซึ่งการทำงานจะเป็นลักษณะกลไลประชารัฐ มีภาครัฐ ภาคเอกชน และ ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่