svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ไอซีที เร่งจัดการภัยไซเบอร์

12 กุมภาพันธ์ 2559
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สถานการณ์ภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์ได้ขยายขอบเขตและสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในประเทศไทยมากขึ้น กระทรวงไอซีทีจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ติดตามจากคุณอภิบาล ว่องวงษ์รักษ์

รัฐมนตรีไอซีที ระบุ ประเทศไทยประสบภัยคุกคามทางไซเบอร์เป็นอันดับ2ในอาเซียน โดยในปีที่แล้ว มีการคุมคามทางไซเบอร์ไปกว่า 4พัน 7 ร้อยกรณีครับ
รัฐมนตรีไอซีที ดร.อุตตม สาวนายน บอกว่า ภัยคุกคามไซเบอร์ได้ขยายความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการเข้ามาคุกคามต่อเว็บไซต์ของภาครัฐ ซึ่งเกิดจากการขาดความเอาใจใส่ในเรื่องระบบความปลอดภัย และการขาดบุคลากรที่เพียงพอในการแก้ไขสถานการณ์ ดังนั้น กระทรวงไอซีที ได้ประสานงานไปยัง ศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบึอมพิวเตอร์ประเทศไทย หรือ thaicert ให้เข้ามาเสริมศักยภาพด้านการป้องกันทางไซเบอร์ในหน่วยงานภาครัฐอย่างเต็มที่ ผ่านโครงการ Thaicert GMS โดยเชื่อว่าโครงการดังกล่าว จะเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมภายในระยะเวลา 1ปีครึ่ง-2ปี
รัฐมนตรีไอซีที บอกต่อว่า ในปีที่แล้ว ประเทศไทยมีปัญหาภัยคุกคามเป็นอันดับ2ในอาเซียน เพราะประเทศมีขนาดใหญ่และมีเศรษฐกิจในระบบเปิด จึงเป็นเป้าสำคัญของการถูกโจมตี โดยปัญหาสำคัญของประเทศไทย คือ การคุกคามเกี่ยวกับโปรแกรมที่ไม่พึงประสงค์ ภัยจากการหลอกลวง และการบุกรุกเจาะระบบ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงหน้าเว็บไซต์ที่ได้รับการร้องเรียนมากกว่า 2ปีที่ผ่านมา กว่า150เปอร์เซนต์
ด้าน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สุรางคณา วายุภาพ บอกในฐานะผู้ดูแลหน่วยงานไทยเซิรต์ว่า การร้องเรียนที่ได้รับ มักจะเกี่ยวข้องกับ การเปลี่ยนหน้าเว็บเพจ และจดหมายหลอกลวง ซึ่งหากเป็น เว็บเพจจะสามารถจัดการได้ภายในวันเดียว แต่หากเป็นจดหมายหลอกลวง จะจัดการได้ในเวลา2วัน
สำหรับ โครงการ thaicert gms จะช่วยเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยให้กับระบบสารสนเทศของหน่วยงาน สามารถตรวจสอบวิเคราะห์เหตุการณ์ภัยไซเบอร์ในระบบไอทีได้อย่างรวดเร็ว และมีการรับมือที่ทรงประสิทธิภาพ โดยไทยเซิรต์หวังว่าในปีนี้ จะสามารถติดตั้งอุปกรณ์เฝ้าระวังและป้องกันการโจมตีให้แก่หน่วยงานรัฐ 80หน่วยงาน เพิ่มเติมจากที่หน่วยงานที่ได้นำร่องไปในปีก่อน จำนวน60แห่ง
ขณะที่ ในฝั่งของเอกชน คุณสุรางคณา บอกสั้นๆ ว่า อยากให้ผู้ประกอบการหรือบริษัท ใช้โดเมนเนมที่ลงท้ายด้วย .co.th เพราะภาครัฐจะสามารถดูแลความปลอดภัยได้มากกว่าโดเมนเนมที่ลงท้ายด้วย .com

logoline