ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมกับสอบสวนพยานและเรียกนาเอ (นามสมมุติ) มาสอบปากคำเพิ่มเติม จนกระทั่งหนุ่มวัย 16 ปี ยอมรับสารภาพในที่สุดว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่ข้อเท็จจริงแต่อย่างใด แต่ที่จริงขัลขี่รถจักรยานยนต์ล้มเองเนื่องจากมีสุนัขตัดหน้า จนรถล้มเอง ทำให้หลานสาววัย 3 ขวบได้รับบาดเจ็บ เหตุที่เล่าว่ามีกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายนั้น ก็เนื่องจากหวั่นว่าพ่อและแม่ของหลานสาววัย 3 ขวบจะด่าและทำร้ายร่างกายเอา จึงได้โกหกไปเช่นนั้น แต่ก็ไม่นึกว่าพี่สาวจะนำภาพไปลงโลกสังคมออนไลน์จนเรื่องราวใหญ่โต แต่เนื่องด้วยสำนึกผิดจึงได้เล่าเหตุการณ์ที่แท้จริงให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นายเอ (นามสมมุติ) เล่าว่าในวันดังกล่า ตนได้ขับขี่จักรยานยนต์ออกมาเที่ยวเล่นรอบเมืองพิษณุโลกพร้อมพ่อแม่เด็กจำนวน 4 คัน แล้วไปนั่งเล่นที่สวนชมน่านจนใกล้เที่ยงคืนได้แยกย้าย หลานสาววัย 3 ขวบ ได้มานั่งรถคันเดียวกัน จากนั้นตนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาแถวถนนมิตรภาพ ใกล้สี่แยกอินโดจีน ส่วนพ่อแม่เด็กแยกย้ายไปคนละทาง แล้วแม่เด็กได้โทรศัพท์มาตามให้ไปเจอบริเวณหน้าห้างเซ็นทรัล จึงได้เลี้ยวรถกลับเมื่อมาถึงหน้าโรงแรมธรรมชาติ ใกล้สี่แยกอินโดจีน
แต่ในขณะนั้นได้มีสุนัขตัดหน้า ทำให้เบรกกะทันหันจนรถล้มเป็นเหตุให้หนูน้อยวัย 3 ขวบ ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เมื่อมาเจอแม่เด็กและพี่สาวของตนเนื่องจากกลัวว่าพ่อแม่เด็กจะเอาเรื่องที่ทำให้ลูกบาดเจ็บ รวมทั้งเรียกร้องค่าเสียหาย ที่ทำให้เด็กบาดเจ็บ รวมทั้งกลัวเจ้าของรถจักรยานยนต์ ที่ตนเอามาขับขี่เรียกค่าซ่อมแซม ซึ่งตนไม่มีเงินและยังทะเลาะกับที่บ้าน จึงได้โกหกว่าถูกกลุ่มเด็กแวนซ์ที่ขี่จักรยานยนต์ตามมาถีบรถและทำร้ายร่างกาย จนพี่สาวได้โพสท์ลงโซเซียลจนเป็นข่าวดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.กิตติกร บุญสม ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก กล่าวว่า หลังจากที่ได้สอบปากคำนายเอ (นามสมมุติ) เอให้การรับสารภาพว่าเหตุที่เกิดขึ้นเนื่องจากความกลัว อีกทั้งเมื่อสอบสวนแล้วดูจากร่างกายของนายเอที่ว่าโดนกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายและใช้แท่งเหล็กทุบกลับพบเพียงรอยถลอก เล็กน้อย ไม่มีรอยฟกช้ำเหมือนการโดนทำร้ายและเมื่อตรวจสอบรถจักรยานยนต์ก็พบความเสียหายที่บังโคลนรถท่านั้น จึงเชื่อว่าน่าจะเกิดจากความกลัว โดยหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ว่ากล่าวตักเตือนนายเอ (นามสมมุติ) ไป เพราะอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าเรื่องราวจะบานปลายและเรื่องใหญ่ได้ ทางเจ้าหน้าที่ฝากประชาสัมพันธ์ขอให้ประชาชนสบายใจเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจตราเข้มงวดเรื่องเด็กแวนซ์เป็นประจำ ซึ่งสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติทุกอย่าง