นายณัฐพงศ์ให้การยอมรับว่าในวันศุกร์ที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมาตนเป็นคนรับนักเรียนหญิงผู้เสียหายขึ้นรถมาด้วยจริงเพื่อจะพาไปส่งที่โรงเรียนเหมือนที่เคยทำมาตลอดเกือบ 1 ปีเพราะสงสารครอบครัวของนักเรียนหญิงจนมีความสนิทกัน โดยทุกวันจะนัดเจอกันที่บริเวณหน้าโรงเรียนศรีบุญยานนท์ ถ.นนทบุรี 1 ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี แต่ว่าวันเกิดเหตุเมื่อนักเรียนหญิงขึ้นรถมากลับเอาแต่นั้งเล่นโทรศัพท์มือถือมาตลอดทางตนจึงได้พูดตำหนิไปว่าจะเล่นอะไรกันนักหนาจนทำให้นักเรียนหญิงไม่พอใจและเปิดประตูรถจะกระโดดลงไปตนจึงคว้ามือเอาไว้ก่อนจะเลี้ยวรถมาจอดส่งให้ลงจากรถและขับรถไปสอนหนังสือตามปกติ
กระทั่งวันที่ 21 ส.ค.2559 จึงทราบว่านักเรียนหญิงพร้อมกับแม่ได้เดินทางเข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ว่าได้ถูกคนร้ายเป็นชาย 3 คนขับรถเก๋งยี่ห้อฟอร์จูนเนอร์มาฉุดตัวนักเรียนหญิงขึ้นรถไปก่อนที่นักเรียนหญิงจะใช้เท้าถีบประตูรถจนหนีออกมาได้
นายณัฐพงศ์ กล่าวอีกว่าในตอนแรกก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงในวันเกิดเหตุมีแต่ตนที่เป็นคนขับรถอยู่ในรถเพียงคนเดียวและไม่ได้ฉุดนักเรียนหญิงขึ้นรถมา แต่นักเรียนหญิงเต็มใจขึ้นรถมาด้วยเอง ส่วนเรื่องที่นักเรียนหญิงเข้าไปแจ้งความกล่าวหาว่ามีชาย 3คน อยู่บนรถนั้นน่าจะมาจากไม่พอใจที่ตนไปตำหนิเรื่องเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างแน่นอนส่วนเรื่องที่มีคนคิดว่าตนต้องมีเรื่องชู้สาวกับนักเรียนหญิงจนต้องไปรับส่งนั้นก็ไม่เป็นความจริงเพียงแต่ตนมีความสนิทสนมกับนักเรียนหญิงในเรื่องการสอนคอมพิวเตอร์กราฟฟิกเท่านั้น
จากนั้นนางอุษณีย์ ด่านกุลชัย อายุ 60 ปี อาจารย์ที่ปรีกษาของนักเรียนหญิงกล่าวว่านักเรียนหญิงคนดังกล่าวเป็นเด็กค่อนข้างเรียบร้อยเรียนดีไม่เคยทำผิดกฎระเบียบของโรงเรียน มีเพียงบางครั้งที่มาโรงเรียนสายบ้าง ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นตนได้สอบถามกับเด็กแล้วพบว่าเด็กมีความคิดที่สับสนในตอนแรกเมื่อตนสอบถามเด็กยังยืนยันว่าถูกทำร้ายจริง แต่เมื่อถามอย่างละเอียดเด็กกับตอบว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นตนคิดไปเองและจะขอรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ด้าน ดร.ธนะสิทธิ์ กล่าวว่าหลังจากทราบเรื่องแล้วได้สั่งตั่งกรรมการขึ้นมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ส่วนอาจารย์ณัฐพงศ์ได้มีคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่สำนักงานเขตพื้นทีการศึกษามัธยมศึกษาเขต 3 (สพม.เขต 3) ตั่งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการสอบสวนเสร็จสิ้น
ขณะที่พล.ต.ต.สุศักดิ์ กล่าวว่าหลังได้รับรายงานว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตรวจสอบเพื่อหาพยานหลักฐาน จนทราบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเหตุคนร้ายลักพาตัวนักเรียนเป็นเรื่องของความสมัครใจของเด็กนักเรียนที่ขึ้นรถไปกับอาจารย์เองส่วนในเรื่องที่แม่และเด็กเข้าแจ้งความน่าจะเป็นการคิดของเด็กเองซึ่งไม่มีวุฒิภาวะ โดยหลังจากนี้จะมีการรวบร่วมพยานหลักฐานและสอบปากคำเพิ่มเติ่มหากพบว่าอาจารย์มีความผิดจริงก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายแต่หากเป็นทางด้านของเด็กตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการแจ้งความเท็จก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน