นายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความวัดปากน้ำภาษีเจริญ บอกว่า กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอระบุกรณีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชครอบครองรถเบนซ์โบราณเข้าข่ายความผิดใน 2 ข้อหากล่าวหาคือ ข้อหามีส่วนรู้เห็นและร่วมกันครอบครองสินค้าที่รู้ว่าไม่เสียภาษี หรือเสียภาษีไม่ครบถ้วนและข้อหาร่วมกันแจ้งความเท็จลงในเอกสารราชการนั้น ขณะนี้ดีเอสไอยังไม่ได้ติดต่อหรือมีหนังสือแจ้งมายังวัดปากน้ำ จึงยังไม่ได้รายงานต่อสมเด็จฯ
หากดีเอสไอมีหนังสือมาโดยขอให้วัดชี้แจงข้อมูลและส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม หรือจะมาขอเข้าพบสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทางวัดก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพราะกรณีรถเบนซ์โบราณนั้นสมเด็จฯเพียงแต่รับบริจาครถจากลูกศิษย์และท่านเซ็นโอนลอยเท่านั้น ซึ่งสามารถชี้แจงและยืนยันในความบริสุทธิ์ของสมเด็จฯได้อย่างแน่นอน
พระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย บอกว่า ขณะนี้เครือข่าวพระสงฆ์และชาวพุทธกำลังประเมินถึงท่าทีของฝ่ายรัฐ ฝ่ายคัดค้านและมวลชนต่างๆซึ่งยืนยันว่าจะเคลื่อนไหวทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
ผศ.ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา(สนพ.) บอกว่า การดำเนินการของดีเอสไอเพื่อปลดล็อกให้นายกรัฐมนตรีกรณีชะลอการเสนอสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชไว้ซึ่งนายกรัฐมนตรีอาจจะถูกฟ้องร้องว่าละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา157 โดยทำให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์มีมลทิน ขณะเดียวกันสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการคือ ทำให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์มีมลทินเพื่อให้หยุดทำหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช