svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

บางจาก ทุ่มงบลงทุน 7.7 หมื่นล้านตั้งเป้าดัน EBITDA โต 2 เท่า

13 พฤศจิกายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

CEO แถลงแผนธุรกิจในสี่ปีข้างหน้า พัฒนาธุรกิจสี่ด้าน (four engines) ห้ากลุ่มธุรกิจ (five business groups) อย่างยั่งยืนและมั่นคง โดยเพิ่มการลงทุนในธุรกิจสีเขียวและสร้างความเข้มแข็งในธุรกิจต้นน้ำ ตั้งเป้า เพิ่ม EBITDA 2 เท่า

นายชัยวัฒน์โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนธุรกิจใน 4 ปีข้างหน้า (2562-2565) ว่า บริษัท บางจากฯ มีแผนลงทุน77,000 ล้านบาท พัฒนาและขยายธุรกิจกลุ่มบางจากฯตั้งเป้ามีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม EBITDA โตขึ้น2 เท่า โดยในปี 2566 คาดว่ามี EBITDAมากกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการเติบโตอย่างเท่าตัวอีกครั้งหนึ่งจากที่บางจากฯ เคยมี EBITDA กว่า 7,000 ล้านบาทในปี 2555 และเพิ่มเป็นประมาณ 14,000 ล้านบาทในปี 2560 ภายใต้การขยายการลงทุนในธุรกิจสีเขียว



"เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งใน4 ปีข้างหน้านี้ บางจากฯ จะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพและธุรกิจต้นน้ำ บนความเข้มแข็งของ 4 กลไกขับเคลื่อนธุรกิจบางจากฯทั้งธุรกิจโรงกลั่น ธุรกิจการตลาด ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ และธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ อีกทั้งยังคงมุ่งมั่นรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมให้ความสำคัญกับผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งบูรณาการเทคโนโลยีสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจชีวภาพ" นายชัยวัฒน์ กล่าว



โดยในกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันจากที่มีกำลังการผลิตสูงสุดที่ 120,000 บาร์เรลต่อวันในช่วง4 ปีที่ผ่านมา จึงมีแผนยกระดับเพิ่มกำลังการกลั่นให้ได้ถึง 135,000บาร์เรลต่อวันในปี 2563ควบคู่กับการลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นYES-R Project และโครงการ 3E (Efficiency,Energy, and Environment Improvement) รวมทั้งลดการใช้พลังงานเพื่อมุ่งมั่นเป็นโรงกลั่นสีเขียวที่ทันสมัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมขยายธุรกิจ Trading ทั้งการซื้อขายน้ำมันดิบน้ำมันสำเร็จรูป เชื้อเพลิงชีวภาพและแร่ลิเทียม ซึ่งมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นในอนาคต



กลุ่มธุรกิจการตลาด จากความสำเร็จของแบรนด์บางจากฯ ในช่วงที่ผ่านมาด้วยส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 2 และเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้แนวคิดสถานีบริการGreenovative Experience ของคนรุ่นใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม 

ซึ่งใน 4 ปีข้างหน้านี้ ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็นร้อยละ18 โดยมีแผนจะเพิ่มสัดส่วน EBITDA จากการขยายธุรกิจไปต่างประเทศร้อยละ 10 และเพิ่มสัดส่วนรายได้ในธุรกิจ Non-oil และ Lube เป็นร้อยละ 30 ในปี 2565พร้อมก้าวสู่อันดับ 1 ในใจของผู้ใช้บริการจากดัชนีชี้วัดความพึงพอใจของลูกค้าหรือ Net Promoter Score: NPS



กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ซึ่งมีกำลังการผลิตไบโอดีเซลและเอทานอลรวม 1.8 ล้านลิตรต่อวัน นับเป็นธุรกิจและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยจะมีการจัดตั้ง Bio Hub ในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ภายใต้ยุทธศาสตร์ ไทยแลนด์ 4.0 เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง ทั้งด้านไบโอพลาสติก 

วัสดุชีวภาพ น้ำตาล Generation ที่ 2 และโปรตีนชีวภาพก้าวสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมชีวภาพ

 


กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ บริษัท บางจากฯ ถือหุ้นเป็นอันดับ 2 ใน Lithium Americas Corp. ซึ่งมีกำลังการผลิตในเฟสที่1 ปริมาณ 25,000 ตันต่อปี และสามารถขยายกำลังการผลิตได้ถึง50,000 ตันต่อปี ทั้งนี้ บริษัท
บางจากฯ ได้รับสิทธิ์ในการจำหน่าย หรือนำไปป้อนเป็นวัตถุดิบให้กับโรงงานแบตเตอรี่ลิเทียมตามแผนการลงทุนของบริษัททั้งนี้ ปริมาณแร่ลิเทียมดังกล่าวเพียงพอสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าได้จำนวน 62,500 คันต่อปี

อีกทั้ง มุ่งขยายการลงทุนในธุรกิจต้นน้ำที่บริหารโดยบริษัท OKEA ประเทศนอร์เวย์ กำลังการผลิต 25,000 บาร์เรลต่อวัน คาดว่าจะมี EBITDAจากการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ รวมทั้งแสวงหาแหล่งน้ำมันดิบและพลังงานใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง



ด้านการนำเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เช่นการพัฒนากระบวนการซ่อมบำรุงโรงกลั่นและการบริหารจัดการการขนส่งน้ำมัน และใช้เทคโนโลยี ArtificialIntelligence (AI) วิเคราะห์ข้อมูลจากระบบเก็บฐานข้อมูล (BigData) มาพัฒนางานบริการและบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า สร้าง BrandLoyalty และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาด้านการบริการ



นอกจากนี้ เพื่อลดผลกระทบจากความพลิกผันของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ หรือ BiiC จึงมุ่งพัฒนานวัตกรรมโดยมีแผนจัดทำ Corporate Venture Capital (CVC) และการวิจัยพัฒนาเพื่อการลงทุนใน Startup ของบริษัท สร้างโอกาสในการเติบโตของธุรกิจในยุคที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโดยลงทุนในธุรกิจหลักของบริษัทฯ ร้อยละ 60 ธุรกิจเกี่ยวเนื่องร้อยละ 30 และเทคโนโลยีใหม่ที่น่าสนใจ ร้อยละ 10 พร้อมตั้งเป้าที่จะจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา (IP) อย่างน้อย2 รายการ



ในด้านของความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมบริษัทบางจากฯ ให้ความสำคัญในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก(Climate Change) ผ่านการลงทุนของบริษัท BCPG และพัฒนาผลิตภัณฑ์ไบโอพลาสติก โดยใช้พืชเกษตรกรรมของไทยมาเป็นวัตถุดิบในการผลิต (Feedstock) ผ่านการดำเนินงานของบริษัท BBGI เพื่อลดขยะพลาสติก(Plastic Waste) และช่วยแก้ปัญหาราคาตกต่ำของสินค้าภาคเกษตรกรรมของไทยอีกด้วย



พร้อมดูแลชุมชนเพื่อนบ้านรอบโรงกลั่นที่เป็นสังคมใกล้รวมทั้งสังคมไกล โดยล่าสุด บริษัท บางจากฯ ได้ร่วมพัฒนาพื้นที่แก่นมะกรูด จังหวัดอุทัยธานี เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้แนวทางเกษตรวิถีและวัฒนธรรมต่อยอดเป็นจุดท่องเที่ยวเชิงเกษตรชุมชนรองรับผู้มาเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี โดยสนับสนุนองค์ความรู้เพื่อการประกอบอาชีพแก่เกษตรกรด้านหลักกสิกรรมธรรมชาติ การบริหารจัดการน้ำด้วยโคกหนองนาโมเดล การอบรมแปรรูปและพัฒนาสินค้าชุมชนพร้อมขยายช่องทางกระจายสินค้าเกษตร เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและส่งเสริมการพึ่งพาตนเอง



บริษัท บางจากฯพร้อมเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการบริหารธุรกิจ และยึดมั่นในแนวทางการพัฒนาธุรกิจที่สร้างสมดุลระหว่าง"คุณค่า" กับ "มูลค่า" พร้อมก้าวสู่ปีที่ 35 อย่างมั่นคง

logoline