svasdssvasds
เนชั่นทีวี

บันเทิง

สัมภาษณ์พิเศษเอ็กซ์คลูซีฟกับ "ณเดชน์ คูกิมิยะ"

19 ตุลาคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เปิดเบื้องลึก ชีวิต ความเชื่อ ความรัก ของซุป'ตาร์ "ณเดชน์ คูกิมิยะ"ที่ล่าสุดกลับมาแสดงภาพยนตร์เป็นครั้งที่สอง กับเรื่อง "นาคี ๒" ภาคต่อจากละครยอดนิยม "นาคี" จากฝีมือการกำกับของ "ออฟ" พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง แถมเรื่องนี้ณเดชน์ยังได้แสดงนำกับนางเอกคู่ใจ "ญาญ่า" อุรัสยา สเปอร์บันด์อีกด้วย


ทีมบันเทิง คมชัดลึก - นับเป็นพระเอกที่ได้รับการยอมรับในเรื่องฝีมือคนหนึ่งของวงการ สำหรบ "ณเดชน์ คูกิมิยะ" ที่ล่าสุดกลับมาแสดงภาพยนตร์เป็นครั้งที่สอง กับเรื่อง "นาคี ๒" ภาคต่อจากละครยอดนิยม "นาคี" จากฝีมือการกำกับของ "ออฟ" พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง แถมเรื่องนี้ณเดชน์ยังได้แสดงนำกับนางเอกคู่ใจ "ญาญ่า" อุรัสยา สเปอร์บันด์ ทำให้ "นาคี ๒" เป็นภาพยนตร์ที่ถูกจับตามองอย่างมาก "บันเทิง คมชัดลึก" ได้มีโอกาสได้พูดคุยเปิดใจกับพระเอกหนุ่มคนนี้ในเรื่องของความเชื่อของเขา

@@ พูดถึงหนังเรื่องนาคี ซึ่งหนังเรื่องที่ 2 ที่ณเดชน์แสดงเป็นยังไงบ้าง
"ใช่ เป็นหนังเรื่องที่ 2 เรื่องนาคีพี่ออฟบอกว่าพี่ออฟมีความตั้งใจ อยากให้คนดูเข้าใจถึงความเชื่อที่คนไทยมีเข้าใจถึงพระธรรมที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ได้เข้าใจว่าความดีความชั่วมันเห็นผลกันยังไง แกนหลักๆ ของเรื่องนาคี 2 เป็นการพูดถึงความเชื่อของคนไทยทั้งเรื่องของขนบธรรมเนียมประเพณีความเป็นมาของสิ่งต่างๆ ที่เราเห็น หรือคนเราเชื่อ นี่คือสิ่งที่พี่ออฟต้องการบอกผ่านหนังเรื่องนี้ เราอยากให้เด็กๆ ทุกคนที่เป็นคนรุ่นใหม่เข้าใจว่าพญานาคคืออะไร และทำไมพญานาคถึงได้ทำแบบนี้ เราอยากนำเสนอว่าพญานาคคือสัตว์เดรัจฉานที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ถ้าคนเข้ามาดูหนังเรื่องนี้เป็นครอบครัวคุณพ่อคุณแม่ก็จะได้สอนลูกสอนหลานจะได้อัพเดทให้เด็กรุ่นใหม่ได้เข้าใจว่า สัตว์ตัวนี้หรือสิ่งเหล่านี้คืออะไร อีกอย่างหนึ่งที่ผมอยากให้เด็กๆ ได้จากการดูหนังเรื่องนี้คือผมอยากให้พญานาคเป็นไอคอนของซูเปอร์ฮีโร่ อยากให้เด็กรู้สึกว่าท่านนึกถึงหนังไทยซูเปอร์ฮีโร่ให้นึกถึงพญานาคนึกถึงนาคี ก็ไม่แน่ว่าอนาคตพญานาคอาจจะเป็นสัญลักษณ์ ให้เด็กๆ ได้จับจองได้ครอบครอง เหมือนเป็นตัวที่คอยเตือนให้เด็กๆ ทำความดี ผมว่ามันสามารถพัฒนาไปได้ถึงขณะนั้นเลย"
@@ ส่วนตัวมีความเชื่อเรื่องพญานาคไหม
"ผมเชื่อเรื่องพวกนี้ บางคนอาจจะบอกว่ามันเป็นตำนาน บางคนก็อาจจะบอกว่าเพ้อเจ้อ ส่วนตัวผมสวดมนต์ตลอด พระพิฆเนศผมก็ศรัทธาพระพรหม เจอศาลเจ้าใหญ่ผมก็ไหว้ หรืออะไรต่างๆผมก็ไหว้ ถึงจะเป็นศาสนาอื่นศาสนาคริสต์หรือศาสนาอะไรผมก็ไหว้และศรัทธา ผมจะเป็นคนที่แบบไปมาลาไหว้ เพราะรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้มันคอยเตือนใจเรา จะรู้สึกสบายใจเวลาที่เราไปวัดไปทำบุญ"
@@ ตอนสมัยเด็กๆ มองภาพพญานาคไว้ยังไง
"เชื่อไหมว่าตอนเด็กๆ ผมไม่รู้จักเลย ตอนเด็กๆ เราก็เห็นว่าเป็นงู เราก็ไปยืนถ่ายรูปกับเจดีย์ตรงบันไดขึ้นวัด แล้วถ้าจำไม่ผิดก็มีแอบกลัวอยู่เหมือนกัน พอโตมาเราได้เรียนรู้ว่าพญานาคคืออะไร ก็ทำให้เราเปลี่ยนความคิด จากคนที่มีความเชื่อเรื่องนี้อยู่แล้วพอได้มาเล่นเรื่องนี้ มันยิ่งทำให้เราเชื่อมากขึ้น ผมสวดมนต์ทุกวันเลยที่เล่นหนังเรื่องนี้ อย่างตอนถ่ายพี่ออฟสวด เราก็สวดบ้าง คือเราสวดเพราะเราอยากรู้สึกดี เพราะว่าเราเล่นกับสิ่งที่อยู่ข้างบน ถ้ามีอะไรที่เขาอยากให้เราทำให้มันเป็นแบบนั้น ก็จะได้เข้าหากันง่าย นี่คือความเชื่อของผมนะว่ามีอะไรก็บอกกันได้ถ้ามีอะไรจะสำแดงก็สำแดงมา"

สัมภาษณ์พิเศษเอ็กซ์คลูซีฟกับ "ณเดชน์ คูกิมิยะ"

สัมภาษณ์พิเศษเอ็กซ์คลูซีฟกับ "ณเดชน์ คูกิมิยะ"

@@ ในระหว่างที่ถ่ายทำเคยเจอเหตุการสำแดงอิทธิฤทธิ์อะไรประมาณนี้ไหม
"ผมอาจจะไม่ได้เจอกับตัวโดยตรง แต่พี่อี๊ด โปงลางฯ เจอ โดยก่อนเข้าฉากพี่อี๊ดยกมือไหว้แล้วก็บอกว่าขอให้ฟ้าร้องมาสักเปรี้ยงสองเปรี้ยง เพื่อจะให้ได้ดูขลัง ก็ขอบอกว่าอยากให้คนดูทางบ้านเห็นบารมีท่าน พอพี่อี๊ดเดินเข้าเซ็ต เสียงฟ้าร้องก็มาเลย อยากฝากถึงคนดูว่าถ้ามีช็อตนั้นจริงๆ ก็ไม่ใช่เสียงเอฟเฟคเป็นเสียงฟ้าร้อง จริงๆ ซึ่งตอนถ่ายฉากนี้ฝนไม่ได้ตกโดยเป็นการใช้น้ำรถดับเพลิงมาฉีดพอมีเสียงฟ้าร้องเราก็มองหน้ากันแล้วก็ยิ้มว่าตามนั้นคือใครอาจจะมองว่าเป็นธรรมชาติก็ว่าไปหรือจะมองเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ว่ากันของแบบนี้มันก็ไม่รู้"
@@ กดดันไหมเพราะนาคีในส่วนของละครทำไว้ดีมาก
"ไม่กดดันเลย เพราะผมผ่านจากหนังเรื่องแรกมาแล้ว เรื่องที่สองคือสบาย ไม่ได้มีความกดดัน ไม่มีอะไรที่ต้องคิดมาก เรารู้สึกสนุกเต็มที่การเล่นหนังเรื่องนี้ ถามว่ารู้สึกว่าตัวเองแบกความหวังของคนดูไว้ ส่วนตัวผมนะ ไม่รู้สึกตรงนี้เลยว่าคนที่แบกความหวังไว้น่าจะเป็นน้อง (ญาญ่า) เพราะว่าเขาเป็นตัวพลิกเรื่องด้วย ในส่วนตัวผมณเดช ถ้าจะให้พูดถึงหนังนาคี ๒ อยากบอกกับคนดูว่า คนที่ดูนาคีภาคแรกแล้วมาดูภาค 2 จะเข้าใจ คนที่ไม่เคยดู แล้วมาดูก็จะเข้าใจอยู่ดี และอีกอย่างหนึ่งคือพี่ออฟเล่นกลกับเรื่องนี้ โดยที่ความคิดของคนดูจะเป็นตัวตัดสินไม่ได้ตักข้าวมาป้อนให้คนดูกิน แต่ให้คนดูตักกับข้าวจากเรื่องนี้ไปกินเอง ถ้าให้ผมเปรียบเทียบผมจะเปรียบเทียบเรื่องนี้เป็นกับข้าว ถ้าอร่อยก็ตักกินไปด้วยดูไปด้วย ผมว่ามันน่าจะมีอะไรที่เยอะอย่างที่พี่ออฟบอก"
@@ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความจิ้นไหม
"ผมอยากจะบอกตรงนี้เลยว่าเรื่องนี้ไม่มีจิ้นนะ ไม่มีมาแบบจิ้นให้เป็นคู่จิ้น ไม่มี คือผมเข้าฉากกับน้องน้อยมากในเรื่องแทบจะไม่ถูกกัน หนังเรื่องนี้ไม่ขายตรงนั้นเลย แทบจะมีน้อยมาก แตะเนื้อต้องตัวยังมีน้อยมากๆ คือถ้าคนดูจะเข้าไปดู เพื่อหวังจะจิ้นกับความเป็นณเดชน์ญาญ่า ผมบอกเลยว่ามันไม่มี แต่ผมอยากให้คนดูไปดูทริกที่พี่ออฟซ่อนไว้ คือถ้าใครเดาออกก็เก่ง อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้พี่ออฟเล่นมายากลเยอะ ไม่ได้เป็นการเล่นมายากลผ่านซีจี หรืออะไรแต่เป็นการเล่นมายากลผ่านความเก่งของคนดู นอกเหนือจากการเล่นมายากลของพี่ออฟ อยากให้คนดูมาดูเรื่องนี้เพราะจะได้เห็นวัฒนธรรมศาสนาที่ผมอยากให้เด็กยุคปัจจุบันมาดู ตอนนี้เหลือเพียงคนเฒ่าคนแก่เท่านั้นที่ยังให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมนี้ สิ่งที่ผมห่วงในเรื่องนี้คือตอนนาคีเป็นละครมันดูง่ายเปิดก็เจอ แต่พอมาเป็นหนังมันจะต้องเดินทางมาโรงหนังมาดูที่โรงหนัง ผมอยากที่จะให้ลูกๆ หลานๆ ที่พ่อแม่อยู่ต่างจังหวัด พาพ่อแม่มาดู ผมเชื่อว่าคนแก่อยากดู ฝากถึงวัยรุ่นหรือฝากถึงผู้มีกำลังหน่อยอย่างผู้ใหญ่บ้านหรือนายกส่วนท้องถิ่นเหมาลงให้ชาวบ้านได้มาดูกันเพราะเรื่องพวกนี้มันเข้าถึงเขาเยอะมากเยอะกว่าคนกรุงเทพด้วยซ้ำ แต่ผมอยากให้ทุกคนได้ดูหนังเรื่องนี้จริงๆ"

สัมภาษณ์พิเศษเอ็กซ์คลูซีฟกับ "ณเดชน์ คูกิมิยะ"

สัมภาษณ์พิเศษเอ็กซ์คลูซีฟกับ "ณเดชน์ คูกิมิยะ"


@@ มาถามเรื่องความรักบ้างว่าตอนนี้เป็นยังไง
"ก็ดี (ยิ้มหวาน) ถามว่าตอนนี้คนมองคู่เราแล้วคิดกันไปไกล ก็คิดกันได้ วาดภาพอะไรไว้ก็ได้ (หัวเราะ)"
@@ เคยมองอนาคตเรื่องของการมีครอบครัว มีลูกไว้บ้างไหม
"เคยมองไว้หลายอย่าง เคยบอกตัวเองไว้ว่าเราจะไม่แต่งงานเกิน 30 ปี นี่คือความคิดเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้วเพราะตอนนั้นเรารู้สึกว่าเราอยากเลี้ยงลูกและอยู่ในช่วงวัยเดียวกับลูก อยากมีแรงที่จะทำสิ่งต่างๆ กับลูก ไปเที่ยวกับลูก แต่ปรากฏว่ามันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นกับการที่เราจะเลี้ยงดูใครสักคนหนึ่ง ก็เลยเปลี่ยนความคิดใหม่ว่าชีวิตเรามีอะไรที่จะต้องทำหลายอย่าง การมีลูกหนึ่งคนแทบจะหยุดงานเลยนะ เพราะเราจะต้องเลี้ยงดูเขาให้ดีๆ"
@@ ถ้าคิดเรื่องแต่งงานเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ตอนนั้นก็ต้องมีคนที่เราคิดอยากที่จะแต่งด้วยสิ
"ไม่ (เสียงสูง) มันเป็นแค่ความคิดของเราตอนนั้นเฉยๆ คือบางทีเราออกไปกินข้าวข้างนอกเห็นครอบครัวพ่อแม่ลูกพ่อแม่อายุมากๆ แต่ลูกยังเด็กอยู่เลย เราก็เลยรู้สึกว่าเรากลัวที่จะตายก่อนลูกจัง แต่ถ้าถามตอนนี้คือไม่แล้วจะมีเมื่อไหร่หรือจะมีหรือไม่มีก็ได้ ไม่สนใจแล้ว"

สัมภาษณ์พิเศษเอ็กซ์คลูซีฟกับ "ณเดชน์ คูกิมิยะ"


@@ ส่วนตัวณเดชน์อยากแต่งงานไหม
"เอาจริงๆ นะส่วนตัวผมก็รู้สึกเหมือนจะพร้อม แต่อีกใจหนึ่งเราก็บอกว่าเรายังไม่พร้อม เรื่องของการแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะมันเหมือนเป็นการจดสิทธิสัญญาเลยว่า คนๆ นี้จะเป็นคู่ครองเราตลอดไป และวัฒนธรรมคนไทยคือผัวเดียวเมียเดียวกัน เลิกกันหรือการหย่ากันมันไม่ได้เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง เพราะฉะนั้นสมมุติถ้าเราจะแต่งงานกับใครแล้วบางทีมันอยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆ ด้วยเหตุผลอะไรก็ตามมันจะกลายเป็นตราบาป แต่ถ้าสากลแต่งไปแล้วอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็หย่ากัน มันเป็นเรื่องธรรมดา แต่บ้านเรามันไม่ได้บ้านเราเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอยู่"
@@ ยึดติดกับการต้องแต่งงานครั้งเดียวไหม
"ก็สงสารตัวเองนะ ถ้าแต่งงานกับใครไปแล้วต้องเลิก แล้วมันต้องมานั่งรู้สึกไม่ดี คือผมรู้สึกว่าจริงๆควรจะต้องศึกษาชีวิตคู่ด้วยกันก่อนผมว่าอันนี้เป็นสิ่งสำคัญแต่งงานเป็นเรื่องหลังไปเลยถ้าเรายังเรียนรู้กันและกันไม่ดีพอ"
ชัดเจนในทุกก้นบึ้งของผู้ชายชื่อ ณเดชน์ คูกิมิยะ

สัมภาษณ์พิเศษเอ็กซ์คลูซีฟกับ "ณเดชน์ คูกิมิยะ"

สัมภาษณ์พิเศษเอ็กซ์คลูซีฟกับ "ณเดชน์ คูกิมิยะ"

logoline