svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ทรัมป์ลงนามมาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้า 25% มูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์แล้ว

15 มิถุนายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ทรัมป์ได้ลงนามในมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 25% มูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์แล้ว คาดรายชื่อสินค้าใหม่จะประกาศในวันนี้ โดยจะถูกเรียกเก็บภาษีครั้งนี้จำนวน 900 รายการซึ่งอยู่ในลิสต์ 1,300 รายการที่เคยปิดเผยออกมาในเดือนเมษายน


ขณะที่ทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ระบุว่า สหรัฐยังคงเดินหน้าใช้มาตรการปกป้องเทคโนโลยี และทรัพย์สินทางปัญญาจากพฤติกรรมทางการค้าที่ไม่เหมาะสมของจีน


ส่วนท่าทีของจีนทีการส่งสัญญาณเตือนสหรัฐโดยชี้ถึงประธานาบดีทรัมป์ว่า ควรจะใช้ความฉลาดในการที่จัดการปัญหาการค้าที่ยังคงขัดแย้งกับจีน พร้อมเตือนว่ามีสองทางเลือกสำหรับสหรัฐในเรื่องเจรจาการค้ากับจีน ระหว่างการเลือกเผชิญหน้าแบบ Face-To-Face หรือเลือกที่จะร่วมมือที่ดีต่อกันในการแก้ปัญหาข้อขัดแย้งด้านการค้า


1. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 25% รวม 1,300 รายการเป็นมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้จีนที่ทำการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาจากบริษัทสหรัฐ คาดว่า คณะทำงานทำเนียบขาวประกาศรายชื่อสินค้าจีนที่จะถูกปรับขึ้นภาษีในวันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน

อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่า รายการสินค้าใหม่ที่จะประกาศในวันนี้ อาจจะมีจำนวน 800-900 รายการ ซึ่งอยู่ในรายชื่อ 1,300 รายการที่เคยอยู่ในการศึกษาและบรวมข้อมูลของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ที่มีการเปิดเผยเมื่อเดือนเมษายน



2. ขณะที่มีรายงานว่า การตัดสินใจครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมได้ประชุมหารือกับที่ปรึกษาทางการค้าของทำเนียบขาวในวันพฤหัสฯ ส่วนทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า สหรัฐยังคงเดินหน้าใช้มาตรการปกป้องเทคโนโลยี และทรัพย์สินทางปัญญาจากพฤติกรรมทางการค้าที่ไม่เหมาะสมของจีน

โดยวันที่ 15 มิถุนายน จะมีการเปิดเผยรายชื่อสินค้าจีนจำนวน 50,000 ล้านดอลลาร์ที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% แต่ก็ไม่ชัดเจนว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อใด

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ในปี 2017 ที่ผ่านมา สหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนเป็นมูลค่าสูงถึง 375,230 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของยอดขาดดุลที่สหรัฐมีกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก



3. สำหรับท่าทีของจีนทีการส่งสัญญาณเตือนสหรัฐโดยชี้ถึงประธานาบดีทรัมป์ว่า ควรจะใช้ความฉลาดในการที่จัดการปัญหาการค้าที่ยังคงขัดแย้งกับจีน

โดยที่หวังยี่ รัฐบมนตรีต่างประเทศขีน กล่าวยืนยันผ่านไม่ค์ ปอมเปโอ ที่อยู่ระหว่างเยือนจีนเพื่อหารือในรายละเอียดหลังจากการประชุมสุดยอด ระหว่าประธานาธิบดีทรัมป์ กับคิม จองอีน เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่สิงคโปร์ ว่า มีสองทางเลือกสำหรับสหรัฐในเรื่องเจรจาการค้ากับจีน ระหว่างการเลือกเผชิญหน้าแบบ Face-To-Face หรือเลือกที่จะร่วมมือกันกับการแก้ปัญหาข้อขัดแย้งทางการค้า

โดยก่อนหน้านี้ ฝ่ายจีนได้เสนอที่จะซื้อสินค้าเกษตร สินค้าอุตสาหกรรม และพลังงาน จากสหรัฐเพิ่มขึ้นในวงเงิน 70,000 ล้านดอลลาร์ แต่มีข้อแม้ว่า สหรัฐต้องไม่ดำเนินการใดๆ ที่เป็นบรรยากาศของสงครามการค้า โดยเฉพาะการเรียกเก็บภาษีสินค้าของจีนในอัตรา 25% ซึ่งหากสหรัฐส่งสัญญาณดังกล่าว จีนก็จะถือเป็นโมฆะ



4. โดยเงินหยวนของจีนอ่อนค่าลง 3.44% แตะ 6.4306 หยวนต่อดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากเกิดกระแสข่าวเจรจาการค้ามีความกดดันมากเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นความตึงเครียดในขณะนี้ โดยเฉพาะกับการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้อนุมัติให้มีการเรียกเก็บภาษีสินค้าที่นำเข้าจากจีนในอัตรา 25%ที่คิดเป็นมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์

สวนทางเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นอย่างฉับพลัน โดยดัชนีค่าเงินดอลลาร์ หรือ Dollar Index พุ่งทะลุเหนือระดับดัชนี 95 ซึ่งเป็นจุดแข็งค่าสุดนับจั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2017



5. บรรยากาศการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าของโลก ได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าสหรัฐกับจีน ส่งผลกระทบต่อสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรในตลาด CBOT ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2

เนื่องจากตลาดวิตกว่า จะกระทบกระเทือนต่อปริมาณการค้าของสินค้าเกษตรที่ลดลง โดยเฉพาะสัญญาซื้อขายข้าวโพดล่วงหน้าลดลง 3.46% ปิดที่ 3.63 ดอลลาร์/บุชเชลเมื่อวันพฤหัสฯ เช่นเดียวกับสัญญาข้าวสาลีลดลง 2.9% ปิดที่ 5.015 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองลดลง 0.93% ปิดที่ 9.2725 ดอลลาร์/บุชเชล

logoline