Bitcoin เปิดตลาดเอเชียเช้านี้ พุ่งขึ้นแตะ17,660 ดอลลาร์

ดอยช์แบงก์ยังชี้อีกว่า นักลงทุนที่เข้ามาเก็งกำไรในตลาด Bitcoin นี้มาจากนักลงทุนรายย่อยชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในวัน 35-54 ปี มักจะชอบการลงทุนจากการเก็งกำไรที่มีความเสี่ยงสูง ถึงแม้ว่าจะต้องใช้ margein trading จำนวน 54% ก็ตามที


ขณะเดียวกันนักลงทุนเริ่มจับตานโยบบายการ Taper QE ของ ECB ที่มีการปรับลดวงเงินในการเข้าซื้อสินทรัพย์ทางการเงินในตลาดการเงินยุโรปเหลือเดือนละ 30,000 ล้านยูโรซึ่งจะเริ่มในเดือนมกราคม-กันยายน 2018 จากปัจจุบันอยู่ที่เดือนละ 60,000 ล้านยูโร


1. บทวิเคราะห์เมื่อไม่นานมานี้ของดอยช์แบงก์เยอรมนี ซึ่งเป็นแบงก์ขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรป ชี้ว่าเงินเก็งกำไรส่วนหลักที่มีส่วนผลักดันให้ราคา Bitcoin พุ่งชึ้นอย่างร้อนแรงมาจากเงินเยนญี่ปุ่นที่มีสัดส่วนการลงทุนสูงถึง 40% ของตลาด Cryptocurrency Trading ในขณะนี้

โดยที่การเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin ในตลาดเอเชียช่วงเช้าวันศุกร์ เปิดการซื้อขายที่ 17,225-17,660 ดอลลาร์ หลังจากหลุดลงไปที่ 16,380 ดอลลาร์ในวันก่อนหน้านี้ ขณะที่ Bitcoin พุ่งขึ้นที่จุดสูงสุด 19,600 ดอลลาร์เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว เป็นการปรับตัวขี้นถึง 1,700% จากช่วงต้นปีมานี้ และดิ่งลงไปแตะระดับ 11,000 ดอลลาร์ก่อนที่จะดีดกลับมาอีกครั้ง โดยที่มูลค่ามาร์เก็ตแคปของ Bitcoin ล่าสุดอยู่ที่ 288,000 ล้านดอลลาร์ เทียบกับต้นปีนี้ที่มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 50,000 ล้านดอลลาร์


2. ดอยช์แบงก์ยังชี้อีกว่า นักลงทุนที่เข้ามาเก็งกำไรในตลาด Bitcoin นี้มาจากนักลงทุนรายย่อยชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในวัน 35-54 ปี มักจะชอบการลงทุนจากการเก็งกำไรที่มีความเสี่ยงสูง ถึงแม้ว่าจะต้องใช้การวางเงินก่อนเทรด หรือ margin trading จำนวน 54% ก็ตามที แต่ก็ยังถือว่าเป็นการเข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุนรายย่อยชาวญี่ปุ่นที่โดเด่นกว่านักลงทุนรายย่อยในอังกฤษและเยอรมนี

จากรายงานของ Nikkei เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม สัดส่วน 40% ที่มีการเทรดอยู่ใน Cryptocurrency Trading ระหว่างเดือนตุลาคมจนถึงเดือนพฤศจิกายนเป็นการเข้ามาสกุลเงินเยนที่ผูกติดความเสี่ยงกับสกุลเงินทั่วโลกโดยมี Margin Trading สูงถึง 54%


3. ท่ามกลางการเก็งกำไรอย่างร้อนแรงของ Bitcoin ที่สะสมตัวเป็นฟองสบู่ลูกใหม่ ทำให้เจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางแจจุบันมองว่า สถารการณ์ของ Bitcoin เป็นเพียงแค่สินทรัพย์ที่มีการเก็งกำไรสูง และมีบทบาทน้อยมากต่อระบบการชำระหนี้ นอกจากนี้ Bitcoin ยังเป็นสกุลเงินที่ไม่มีเสถียรภาพอีกด้วย

เช่นเดียวกับทวิตเตอร์ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เตือนว่า ธนาคารกลางหลายประเทศเตือนประชาชนให้ระวังปัจจัยเสี่ยงการลงทุนใน Cryptocurrencies หากเกิดความเสียหายจะไม่สามารถเรียกร้องได้ เพราะยังไม่มีกฏหมายคุ้มครอง

ทั้งนี้ ราคา Bitcoin เมื่อเทียบเป็นเงินบาทอยู่ที่ 568,000 บาทต่อ 1 Bitcoin ขณะที่ซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์อยู่ที่ 17,225 ดอลลาร์


4. นอกจากนี้ นักลงทุนเริ่มจับตานโยบบายการเงินใหม่ของํนาคารกลางยุโรป (ECB) หลังแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ประกาศนโยบาย Taper QE ที่มีการปรับลดวงเงินในการเข้าซื้อสินทรัพย์ทางการเงินในตลาดการเงินยุโรปเหลือเดือนละ 30,000 ล้านยูโรซึ่งจะเริ่มในเดือนมกราคม-กันยายน 2018 จากปัจจุบันอยู่ที่เดือนละ 60,000 ล้านยูโร

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มาริโอ ดรากี ประธาน ECB ที่ยืนยันเร่งอัดฉีด QE เต็มที่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของยุโรปกลับมาสู่การฟืั้นตัวได้อย่างยั่งยืน

ขณะที่ ECB ยังคงยืนยันที่จะใช้นโยบายดอกเบี้ยแบบผ่อนคลายต่อไป โดยจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลักทั้งอัตราดอกเบี้ยที่เป็นการรีไฟแนนซ์ไว้ที่ระดับ 0.0% อัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมที่ 0.25% และดอกเบี้ยเเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่อัตรา -0.4%


5. แต่ในแถลงการณ์ระบุว่า ECB อาจจะต่ออายุ QE หรือเพิ่มวงเงินมากขึ้นตราบเท่าทียังมีความจำเป็น หรือจนกว่าเศรษฐกิจจะสามารถขับเคลื่อนดีขึ้นสู่การบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%

ทั้งนี้ ECB ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อของกลุ่มยูโรโซนที่ 1.4% ในปี 2018 และจะแตะระดับ 1.5% และ 1.7% ในปี 2019 และปี 2020 ตามลำดับ รวมทั้งปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจที่ระดับ 2.4% ในปีนี้ และ 2.3% ในปีหน้า ส่วนในปี 2019 และปี 2020 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.9% และ 1.7%