นาย สุเมธ เจตธำรงชัย อดีตลูกหนี้บัตรเครดิต เคยเป็นวิศวกรในบริษัทเอกชน ฐานเงินเดือน 25,000 บาท รวมค่าล้วงเวลา (โอที) ได้ 60,000 บาท สมัครบัตรเครดิต ได้วงเงิน 5 เท่า ของรายได้ ตกใบละ 200,000 บาท ทั้งหมด 15 ใบ โดยแรงจูงใจในการทำบัตรเครดิตมาจากเห็นเพื่อนทำ ทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ธนาคาร เสนอให้ทำบัตรเครดิต
อะไรเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พี่ใช้หนี้ไม่ไหวแล้ว ?
อาการเริ่มแรกมีบัตร 1 ใบ แต่พอเรามีเงินในมือก็มีกิเลส ใช้จ่ายเยอะเกินตัว เพราะคนที่มีเงินในมือก็ยิ่งอยากใช้ จนทำให้ใบนี้ไม่พอต้องหมุนเงินที่บัตรอื่นไปเรื่อยๆ พอใช้เยอะขึ้น วงเงินเต็ม ก็จะไปทำบัตรเครดิตใบอื่น เพื่อที่จะมาหมุนเวียนในหนี้ของเรา มีบัตรเครดิต 15 ใบ เป็นหนี้รวมๆแล้วก็ 1,500,000 บาท
พอเป็นหนี้เยอะขนานนี้แล้วมีโดนอะไรบ้างมั้ย?
ขั้นแรกธนาคารโทรมาทวงหนี้ เช้า กลางวัน เย็น พอผ่านไปสัก 6 เดือน - 1 ปี ธนาคารก็เริ่มส่งฟ้องแล้วก็จะมีการส่งเรื่องนี้ไปทาง สำนักงานกฏหมาย สำนักงานกฏหมายก็จะมาทวงเราอีก พอถึงตอนนี้ก็จะเริ่มไกล่เกลี่ย เริ่มให้จ่าย แบบ HAIRCUT คือ เอาวงเงินเยอะมาปิดบัตรเลยเช่นเป็นหนี้ 230,000 บาท ก็มีการต่อรองเงิน ว่าเรามีเงินประมาณ 150,000 บาท ปิดเลยได้ไหม ทางธนาคารก็ตกลงปิดหนี้ไป1บัตร แต่ถ้าเราไม่จ่ายอีก สำนักงานกฎหมายก็จะเริ่มฟ้องศาลละ อาจจะต้องใช้เวลา 6เดือน - 1 ปี แล้วแต่คิวในการขึ้นศาล
พอถึงจุดที่เราเริ่มใช้หนี้ไม่ไหว ช่วงเวลานั้น เป็นอย่างไร ?
ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายมาก คือ คนที่เริ่มเป็นหนี้ จะเริ่มจ่ายขั้นต่ำ ตอนแรกๆผมก็เริ่มจ่าย ครบตามวงเงินที่เราใช้ไป ผมก็รู้นะดูข่าวว่าคนเป็นหนี้บัตรเครดิตเป็นอย่างไร ผมเชื่อว่าทุกคนก็รู้หมด ถามว่า เวลามีเงินแล้วใช้เกินตัว เราก็จ่ายขั้นต่ำไปเรื่อยๆ จนบัตรเครดิตที่มีอยู่เต็มวงเงินทุกใบ พอเราหมุนไม่ทัน ก็ต้องเริ่มหาทางออกเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล ที่เป็นเงินก้อนเอามาปิด ผมก็ไปหามาได้ แต่แทนที่ผมจะเอาเงินสินเชื่อที่กู้ใหม่ไปปิดหนี้ แต่กลับเอาไปเที่ยวเล่นเหมือนเดิม จนสะสมยอดหนี้เพิ่มขึ้นไปอีก
เริ่มมีการใช้หนี้อย่างไร ?
ต้องหางานทำพิเศษ เมื่อก่อนเราวิศวกรทำงานประจำ และรับสอนพิเศษไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่พอจ่าย เพราะหนี้มันเยอะมาก ตอนนั้นมีโอกาส เนื่องจากเมื่อก่อนเราเป็นวิศวกรโยธา และมีเพื่อนที่ซื้อบ้านใหม่ ให้เราไปตรวจบ้าน เราจึงใช้ความรู้ของเรา ในการตรวจสอบบ้านก่อนเพื่อนจะซื้อนั้ นคือจุดเริ่มต้นที่ผมสามารถใช้หนี้ได้ นั้นก็คือเปิดบริษัทรับตรวจบ้าน
ขึ้นศาล น่ากลัวไหม ?
การขึ้นศาลจะลดดอกเบี้ยน้อยมาก อย่างตอนที่ผมจ้างทนาย คือเค้าแค่พยายามไกลเกลี่ยให้เราจ่าย ลดน้อยมาก แต่จะลดมากจริงๆ ก็ตอนที่เราคุยกกับสำนักงานกฏหมาย เราต้องคุยกับเขา รับโทรศัพท์เขา ตอนนั้นผมเริ่มมีเงินใช้หนี้ก็เลยมีการต่อรองว่า ตอนนี้ผมมีเงินนะลดได้เท่าไหร่ จากยอดเยอะจะตัดเหลือน้อยมาก อย่างเช่น ติด 200,000 บาท ลดเหลือสัก 150,000 บาทเป็นต้น เงินที่ตัดไป คือดอกเบี้ยเราไม่จ่าย
ทำไมไม่ไปขึ้นศาลเอง ?
ที่ผมไม่ไปขึ้นศาลคือ ผมอาย แล้วเราก็ไปศึกษามาว่า เราไม่ต้องไปเองก็ได้เราสามารถให้คนอื่นไปแทนได้ อีกอย่างหนึ่ง คือ ผมทำงานประจำ มีหนี้เยอะมาก ผมไม่สามารถหยุดได้ ลูกค้าอาจจะว่าได้
การสมัครบัครเครดิต ง่ายเกินไปไหม ?
การที่ธนาคารจะให้เครดิตกับใคร ต้องมีการคัดกรอง เช่น ทำงานออฟฟิต ผมว่าผ่านไม่ยากเลย ง่ายมาก เพราะมีสลิปเงินเดือน แต่ถ้าคนทำงานรายวันจะผ่านยากเพราะต้องใช้เอกสารเยอะในการบอกว่ามีรายได้ที่คงที่ อย่างเช่น ถ้าเกิดผมกลับไปสมัครอีกรอบ เขาจะไม่ให้ผมผ่านเลย เพราะผมติดบูโรแล้ว
แต่ก่อนหน้านี้ มีคนจากธนาคาร คุณอยากทำกี่ใบเขาทำให้หมดเลย มันสะดวกมาก ถ้าคุณอยากทำบัตรเครดิต ไม่ต้องไปทำถึงธนาคาร จะมีคนค่อยมารับเอกสารดำเนินเรื่องให้ ตอนนี้ทำง่ายมากสำหรับคนที่เงินเดือนทำงานบริษัท
หลังหมดนี้ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง ?
มันโล่งคับ เพราะตอนที่คุณเป็นหนี้บัตรเครดิตคุณทำงานมาหนักขนานไหน คุณเห็นเงินและเสียดาย คุณหาเงินมาได้เป็นแสนเป็นล้าน คุณไม่สามารถใช้เงินไม่ได้ ต้องเอาไปจ่าย พอหมดแล้วก็โล่งหาได้เท่าไหร่ก็เก็บได้เท่านั้น
อยากจะบอกอะไรสำหรับคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิต ?
ข้อคิดคือ วินัย ในยุคนนี้ข่าวสารข้อมูลต่างๆเข้าถึงง่าย เราสามารถเสริชในอินเทอร์เน็ตได้เลยว่า บัตรเครดิต ก็จะมีเคสมาให้อ่านเยอะแยะ ทุกคนรู้รายละเอียดหมดนะผมว่า มันอยู่ที่เราจะระงับกิเลสได้มากขนานไหน