svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นจีนกลับมาเป็นจุดน่าสนใจ สำหรับการลงทุนของกองทุน

14 พฤศจิกายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จับตาตลาดหุ้นจีนกลับมาเป็นจุดน่าสนใจสำหรับการลงทุนของกองทุนต่างๆ ทำให้ตลาดหุ้นจีนกลัมาฟื้นตัวจากวิกฤติในช่วงปี 2015 โดยเฉพาะ Yang Yongs stock funds ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดากองทุนดังกล่าวสามารถทำผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นถึง 304% ภายใน 1 ปีจากการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ของจีนซึ่งให้ผลตอบแทนการลงทุนดีที่สุดในดัชนีของ MSCI

ขณะที่กองทุน CalPERS ซึ่งเป็นกองทุนบำนาญใหญ่ที่สุดของสหรัฐ กำลังอยู่ระหว่างตัดสินใจที่จะขายหุ้นในพอร์ตลงทุนกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ หลังจากได้ทยอยซื้อสะสมหุ้นจนมีสัดส่วนสูงถึง 50% ของพอร์ตในปัจจุบัน โดยมีผลตอบแทนการลงทุนที่เพิ่มขึ้น 20% ถึงแม้ว่าจะมีสัญญาณต่อตลาดหุ้นสหรัฐที่แทรกเข้ามาล่าสุด โดยเฉพาะราคาหุ้น GE ร่วงลงถึง 7.2% รวมถึงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าของกฎหมายปฏิรูปภาษี

ส่วนทางด้านดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวเป็นบวกอีกครั้งในการเปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 22,505 เพิ่มขึ้น 124 จุด หรือ 0.55% หลังจากที่ปรับตัวลดลง 3 วันติดต่อกันจากระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีซึ่งพุ่งทะลุเหนือระดับ 23,000 เมื่อวันพุธสัปดาห์ก่อน


1. กองทุน Yang Yong ซึ่งเป็น stock funds ที่เป็นหนึ่งในบรรดากองทุนในสไตล์ของ Warren Buett ได้โฟกัสไปที่การลงทุนในตลาดหุ้นจีนจนสามารถทำผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นถึง 304% ในรอบ 1 ปีจากการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ของจีนซึ่งให้ผลตอบแทนการลงทุนดีที่สุดในดัชนีของ MSCI EM ในตลาดเกิดใหม่

ขณะเดียวกัน Yu Shan Xun Niu กองทุนอันดับหนึ่งที่มีขนาดเงินลงทุนกว่า 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งได้รับผลตอบแทนดีที่สุดในตลาดหุ้นจีน โดยเลือกลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ 10 อันดับแรก รวมถึงหุ้น Sunac China Holdings Ltd. และ China Evergrande Group ที่ถือหุ้นโดย Hong Kong-listed developers และหุ้นของบริษัทผลิตเหมาไต๋ชื่อดังคือ Kweichow Moutai Co. ด้วย

นับได้ว่าการฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีนในปีนี้เกิดขึ้นในรอบเกือย 5 ปีที่เกิดวิกฤติตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2015 โดยดัชนีองเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ดิ่งจากระดับสูงสุดเหนือ 5,000 สู่ระดับต่ำสุดที่ดัชนี 2,000 ก่อนที่จะยืนอยู่ที่ 3.450 ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ผู้บริหารของ Yang Yongs stock funds ยังเชื่อว่าตลาดหุ้นจีนจะยังคงเดืนหน้าให้ผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่องในปี 2018 โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มที่เป็นธุรกิจอุปโภคบริโภค


2. ขณะที่บอร์ดกองทุน CalPERS ซึ่งเป็นกองทุนบำนาญใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ได้ประชุมกันเพื่อพิจารณาทางเลือกในการลงทุนในอนาคต โดยที่กำลังอยู่ระหว่างตัดสินใจจะขายหุ้นในพอร์ตลงทุนมูลค่าราว 50,000 ล้านดอลลาร์ หลังจากได้ทยอยซื้อสะสมหุ้นจากสัดส่วน 34% เพิ่มขึ้นจนมีสัดส่วนสูงถึง 50% ของพอร์ตในปัจจุบัน

ทั้งนี้ หุ้นสหรัฐเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด หรืแเป็น Best-performing asset class ของกองทุน CalPERS ในปีงบประมาณ 2017 โดยได้ีรับผลตอบแทนการลงทุนที่เพิ่มขึ้นถึง 20% และยังคงมองว่าตลาดหุ้นยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ CalPERS ยังมีเพิ่มสัดส่วนถึง 2 เท่าตัวสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ที่เป็นประเภท fixed-income จากสัดส่วย 19% เพิ่มขึ้นเป็น 44%



3. อย่างไรก็ตาม สัญญาณต่อตลาดหุ้นสหรัฐที่แทรกเข้ามาล่าสุด โดยเฉพาะราคาหุ้น GE ร่วงลงถึง 7.2% รวมถึงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าของกฎหมายปฏิรูปภาษี แต่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันจันทร์ จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภค

ทั้งนี้ ผลลบจากข่าวที่ว่าบริษัทเจเนอรัล อิเลคทริค หรือ GE ประกาศปรับลดการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสลง 50% ที่ 12 เซนต์ต่อหุ้น จากเดิมจ่ายที่ 24 เซนต์ต่อหุ้น โดยจะมีผลในเดือนธ.ค. เนื่องจากบริษัทมีความจำเป็นในการบริหารกระแสเงินสดที่เหมาะสม

โดยที่ดาวโจนส์ปิดตลาดที่ 23,439 เพิ่มขึ้น 17.49 จุด หรือ 0.07% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,584 เพิ่มขึ้น 0.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,757 เพิ่มขึ้น 0.10%



4. ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐยังคงปกคลุมด้วยปัจจัยลบ จากแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า เรื่องกฎหมายปฏิรูปภาษีที่เป็นไปอย่างล่าช้า หลังจากสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% มาสู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2019

โดยหลังจากที่สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาได้เปิดเผยรายละเอียดของร่างกฏหมายปฏิรูปภาษี ซึ่งเสนอให้ชะลอการใช้ออกไปอีก 1 ปี ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลที่เป็นความไม่แน่นอนต่อการผลักดันกฎหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และยังสวนทางกับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ อาจจะส่งผลให้บริษัทของสหรัฐที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศเลื่อนการตัดสินใจย้ายฐานกลับสู่สหรัฐอีกด้วย



5. ส่วนหุ้นโตเกียวเปิดตลาดขยับลดลงในช้วงเช้าวันอังคาร ก่อนจะดีดตัวขึ้นตามทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดในแดนบวกทั้ง 3 ตลาดหลักเมื่อวันจันทร์

ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวเป็นบวกอีกครั้งในการเปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 22,342 ก่อนดีดตัวขึ่นที่ 22,505 เพิ่มขึ้น 124 จุด หรือ 0.55% หลังจากที่ปรับตัวลดลง 3 วันติดต่อกันจากระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีซึ่งพุ่งทะลุเหนือระดับ 23,000 เมื่อวันพุธสัปดาห์ก่อน

โดยหุ้นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นประกอบด้วยหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ กลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาง หลังจากที่ดัชนี Nikke ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์จากแรงขายต่อเนื่องกันช่วง 3 วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะในวันพฤหัสบดีที่แล้วเพียงวันเดียวที่ดิ่งลงถึง 860 จุดหรือมากกว่า 3%

logoline