ทั้งนี้ตนเห็นใจผู้สูญเสียที่ต้องการเห็นความจริงที่ชัดเจน เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม แต่ไม่ควรนำเรื่องนี้มาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะในวันที่มีการเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่มีคดีความผิดเหล่านี้รวมอยู่ด้วย คนกลุ่มนี้กลับไม่ออกมาคัดค้านอะไร ในทางตรงกันข้าม ตนเป็นคนออกมาคัดค้านจึงเป็นเรื่องแปลกที่ไม่คัดค้านการนิรโทษกรรม แต่กลับหยิบเรื่องนี้มาเคลื่อนไหว
อย่างไรก็ตามในส่วนของญาติผู้เสียชีวิตที่ต้องการความเป็นธรรม ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ซึ่งป.ป.ช.ก็ไม่ได้ปิดทาง เพราะมีการสรุปว่าต้องหาข้อเท็จจริงเป็นรายกรณีไปในแต่ละสถานการณ์จริง จะมาเหมารวมกันไม่ได้ เพราะมีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ชุมนุมที่ต่างก็สูญเสีย ที่สำคัญความสูญเสียนี้เกิดขึ้นจากหลายเหตุการณ์ ไม่ใช่จากเหตุการณ์เดียว
"ผมเข้าใจดีว่า มีความพยายามที่จะทำให้เรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมือง ทั้งที่คนเหล่านี้ไม่มีจุดยืน หากรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่นำเเรื่องนี้ขึ้นมาเล่นการเมืองตั้งแต่แรก และทำการสอบสวนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนตั้งแต่ต้น ทุกฝ่ายก็จะได้รับความเป็นธรรมไปแล้ว ผมยืนยันมาตลอดว่าพร้อมให้ตรวจสอบ แต่เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมืองจึงพยายามสรุปว่า ไม่ต้องสนใจในรายละเอียดของเหตุการณ์แต่ละเหตุ เพียงต้องการสรุปเอาผิดผมและนายสุเทพ เท่านั้น ปัญหาจึงเกิดขึ้น และเชื่อว่าจะมีความพยายามนำเรื่องนี้ขึ้นมาปลุกระดมอีก ทั้งนี้ ผมยืนยันว่าจะมีการนำเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นตัวประกันเพื่อนำไปสู่การนิรโทษกรรมในอนาคต เพราะเรื่องเหล่านี้ไม่สมควรที่จะมีการนิรโทษกรรม เพราะเป็นการทำความผิดต่อชีวิต" นายอภิสิทธิ์ กล่าว