กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา กล่าวหาอย่างเป็นทางการว่า รัสเซียได้ใช้สารพิษอันตรายในการต่อสู้กับกองกำลังยูเครน ซึ่งถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี
รายงานระบุด้วยว่าสารเคมีที่รัสเซียใช้คือ คลอโรพิคริน (chloropicrin) หนึ่งในสารเคมีประเภทสารสำลัก (choking agents) ซึ่งเป็นพิษต่อปอด ทำให้เกิดการระคายเคืองทั้งทางเดินหายใจ ดวงตา และผิวหนัง ตามมาด้วยอาการหอบ ขาดออกซิเจน หรือความดันเลือดตก หากได้รับสารพิษในปริมาณเข้มข้นจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองกล่องเสียงรุนแรงและอาจเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมง
คลอโรพิครินเคยถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในสงครามโลกครั้งที่ 1 ก่อนจะถูกสั่งห้ามไม่ให้นำมาใช้ในทางทหารอีกต่อไป ภายใต้กฎหมายต่อต้านการใช้สงครามเคมีและชีวภาพปี 1991 ซึ่งรัสเซียได้ลงนามในสนธิสัญญาเหล่านั้นและอ้างว่าไม่มีการใช้อาวุธเคมีต่อยูเครน
ขณะที่คำให้การของกองทหารยูเครนแนวหน้าระบุว่า พวกเขาต้องเผชิญกับก๊าซและสารเคมีระคายเคืองหลายต่อหลายครั้ง ในระหว่างปะทะกับกองกำลังของรัสเซียในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ส่วนแพทย์ทหารยูเครนได้บันทึกเหตุการณ์อย่างน้อย 9 ครั้ง ที่พบโดรนทิ้งก๊าซกัดกร่อนไวไฟไว้ตามแนวรบ รวมถึงเหตุการณ์ที่ทหารรัสเซียใช้แก๊สน้ำตากว่า 250 ครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ และมีทหาร 2 นายที่รอดชีวิตจากการโจมตีด้วยแก๊สเปิดเผยว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บ โดยมีรอยไหม้และรอยฟกช้ำที่ใบหน้า รวมถึงภายในปากและลำคอ
นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังประกาศคว่ำบาตรหน่วยงานรัฐบาลรัสเซีย 3 แห่งที่เชื่อมโยงกับโครงการอาวุธเคมีและชีวภาพของประเทศ และบริษัทรัสเซีย 4 แห่งที่มีส่วนร่วมในหน่วยงานรัฐบาลเหล่านั้น ทั้งยังคว่ำบาตรต่อบริษัทและบุคคลสำคัญในหลายประเทศที่สนับสนุนการทำสงครามของรัสเซียในยูเครน รวมถึงจีน อาเซอร์ไบจาน เบลเยียม สโลวาเกีย ตุรกี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์