svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ไลฟ์สไตล์

พกห้องสมุดไปกับเราทุกที่ 5 E-book Reader น่าใช้ในปี 2024

28 มีนาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติวนมาอีกครั้ง สำหรับใครที่มีหนังสือเต็มบ้าน แต่ก็ยังอยากซื้อหนังสือเพิ่ม E-book Reader หรือเครื่องอ่านหนังสือ E-book อาจเป็นอีกตัวเลือกที่น่ารับไว้พิจารณา

อีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับการอ่านหนังสือในตอนนี้น่าจะเป็นการอ่าน E-book หรือหนังสือแบบดิจิทัล ที่ทำให้เราอ่านหนังสือจากที่ไหนก็ได้ เสมือนเราพกทั้งห้องสมุดไปกับเราในทุกๆ ที่ แถมยังประหยัดพื้นที่จัดเก็บ เหมาะสำหรับใครก็ตามที่ดองหนังสือจนบ้านไม่มีที่วางเพิ่ม ทีนี้ อุปกรณ์ที่สำคัญมากๆ ก็คืออุปกรณ์สำหรับอ่าน ซึ่งสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตทำได้อยู่แล้ว แต่สำหรับนักอ่านตัวยง E-book Reader คืออีกหนึ่งตัวเลือก ที่เดี๋ยวนี้มีให้เลือกหลากหลาย และจะขอหยิบมาป้ายยากันในวันนี้

สิ่งหนึ่งที่เครื่อง E-book Reader แตกต่างจากหน้าจอโทรศัพท์และแท็บเล็ตคือจอของ E-book Reader ส่วนใหญ่จะใช้เทคโนโลยี E-ink ที่ใต้จอมีผงหมึกพิเศษอยู่ด้านล่าง ตัวเครื่องจะทำการจ่ายไฟเพื่อควบคุมการขยับพวกอนุภาคของหมึกที่อยู่ในแต่ละจุด ทำให้ได้หน้าจอที่เมื่อมองดูแล้วจะมีลักษณะคล้ายกระดาษที่ถูกพิมพ์ด้วยหมึกจริงๆ จึงอ่านได้สบายตา และเนื่องจากตัวจอไม่ได้ใช้การเปล่งแสงออกมา (บางรุ่น อาจจะมีการเติมหลอดไฟ เพื่อให้เราสามารถอ่านในที่มืดได้) พลังงานที่ใช้เลยต่ำ ถึงจะมีแบตเตอรี่ขนาดเล็ก แต่ก็สามารถอ่านได้อย่างนานเป็นสัปดาห์ แต่ก็นั่นแลกมากับข้อเสียสำคัญคือ refresh rate ของจอที่ต่ำมากๆ ไม่เหมาะกับการดูภาพเคลื่อนไหวหรือคลิปวิดีโอ และ E-ink จะมาในหน้าจอสีขาวดำกันเสียส่วนใหญ่ แม้จะเริ่มมีหน้าจอสีให้เห็นกันแล้วในรุ่นใหม่ๆ

E-book Reader ที่มาแนะนำก็มีตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ราคาน่ารัก ไปจนถึงเครื่องระดับท็อปที่มีหน้าจอสี จัดเก็บหนังสือได้นับหมื่นเล่ม พร้อมปากกาลำหรับจดบันทึก ใครที่บ้านมีพื้นที่น้อย ที่เก็บหนังสือไม่ค่อยพอ ลองดู E-book Reader เหล่านี้เป็นตัวเลือก
 

Amazon Kindle

Amazon Kindle

ขอเปิดด้วย E-book Reader ในตำนานอย่าง Amazon Kindle ที่วางขายมานานจนตอนนี้มาถึงรุ่นที่ 11 จุดเด่นของเครื่องนี้คือราคาที่ไม่สูงมาก เพราะทาง Amazon เน้นขายเครื่องนี้โดยอาจจะไม่ได้หวังกำไรมากนักจากตัวเครื่อง แต่เมื่อซื้อเครื่องมาแล้ว เราก็ต้องซื้อหนังสือจากคลังของ Amazon 

จุดเด่น

  • หน้าจอ E-ink ขนาด 6 นิ้ว เคลือบสารลดแสงสะท้อน ความละเอียด 300ppi ตัวหนังสือคมชัดอ่านง่าย
  • รองรับ Dark Mode โดยการติดตั้งไฟรอบๆ จอ 4 จุด เพื่อให้สามารถอ่านในที่มืดได้
  • สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน WiFi ได้ เพื่อซื้อและดาวน์โหลดหนังสือจาก Amazon
  • แบตเตอรี่ใช้ได้ยาวนานสูงสุดถึง 6 สัปดาห์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
  • น้ำหนักเบาเพียง 158 กรัม
  • สามารถโหลดไฟล์หนังสือเข้าไปเองได้หลากหลายสกุลไฟล์ เช่น EPUB และ MOBI

จุดด้อย

  • ไม่สามารถติดตั้งแอปพลิเคชั่นเพิ่มได้ ทำให้ไม่สามารถอ่านได้จากแพลตฟอร์มที่ไม่อนุญาติให้โหลดไฟล์หนังสือออกมา
  • เครื่องรองรับ audible หรือหนังสือเสียงจาก Amazon แต่ต้องฟังผ่านหูฟัง Bluetooth เท่านั้น ไม่มีลำโพงในตัว

จากข้อสังเกตทั้งหมด ทำให้ Amazon Kindle เป็น E-book Reader เริ่มต้นสำหรับหลายๆ คน บวกกับราคาที่ถูกกว่าเครื่องอื่นๆ แต่จะไม่เหมาะกับใครก็ตามที่ซื้อหนังสือผ่านแพลตฟอร์มที่ไม่รองรับการดาวน์โหลดไฟล์หนังสือ
 

Meebook M6

Meebook M6

สำหรับคนที่ต้องการเครื่องที่สามารถติดตั้งแอปพลิเคชั่นเพื่ออ่านแพลตฟอร์อื่นๆ ได้ ด้วยขนาด น้ำหนัก และราคาที่ใกล้เคียงกับ Kindle พร้อมกับมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย Meebook M6 ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

จุดเด่น

  • หน้าจอแบบ E-Ink ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด 300ppi ตัวหนังสือคมชัดอ่านง่าย
  • ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่สามารถติดตั้งแอปพลิเคชั่นผ่าน Play Store ได้
  • CPU เป็น Quad Core Cortex A55 พร้อมกับ RAM 3 GB ทำให้สามารถรันแอปพลิเคชั่นต่างๆ ได้ไม่กระตุกมากนัก เพียงพอกับการใช้อ่านหนังสือ
  • หน่วยความจำภายใน 32GB และยังสามารถใส่ SD Card ได้สูงถึง 1TB เรียกว่า พกทั้งห้องสมุดไปได้แล้ว
  • แบตเตอรี่ ความจุ 2,200 mAh ถือว่าใช้งานได้นานพอสมควร
  • น้ำหนักเพียง 190 กรัม

Meebook M6 เหมาะสำหรับคนที่หาซื้อเครื่องที่มีตัวแทนจำหน่าย มีการรับประกันในประเทศไทย พร้อมทั้งสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นเพื่ออ่านหนังสือจากแพลตฟอร์มอื่น เช่น Meb และ Ookbee ด้วยราคาที่สูงกว่า Kindle ไม่มาก ข้อสังเกตคือ เมื่อการทำงานด้วยระบบ Android จะกินพลังงานมากกว่า Kindle ทำให้อาจจะต้องชาร์จไฟบ่อยกว่า แต่ก็ถือว่ามากพอที่จะใช้งานได้หลายวัน


BOOX Poke5

BOOX Poke 5

อีกหนึ่งแบรนด์ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยคือ BOOX รุ่นน้องสุด คู่แข่งโดยตรงกับ Meebook M6 คือ BOOX Poke 5

จุดเด่น

  • หน้าจอแบบ E-ink ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด 300ppi (212 ppi สำหรับ Poke5 Lite) ตัวหนังสือคมชัดอ่านง่าย
  • ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่สามารถติดตั้งแอปพลิเคชั่นผ่าน Play Store ได้
  • CPU เป็น Qualcomm Quad-Core พร้อม RAM 2 GB
  • หน่วยความจำภายใน 32GB และยังสามารถใส่ SD Card ได้สูงถึง 512 GB ยังถือว่าเพียงพอสำหรับการเก็บแอปพลิเคชั่นและหนังสือทั้งห้องสมุด
  • แบตเตอรี่ความจุ 1,500 mAh ใช้งานได้นาน และใช้เวลาชาร์จประมาณ 4-6 ชั่วโมง
  • น้ำหนักประมาณ 160 กรัม

จากสเปกและราคา BOOX Poke 5 เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Meebook M6 ทว่าอาจจะแพ้ในเรื่องของสเปกภายในที่อาจจะส่งผลกระทบต่อความลื่นไหลในการใช้งาน แต่ด้วยเหตุผลที่ค่า refresh rate ของหน้าจอ E-ink มักจะไม่ได้สูงอยู่แล้ว ความแตกต่างจากการใช้งานจึงมีให้เห็นไม่มาก

 

Meebook M10 Pro Edition

Meebook M10 Pro Edition

มากันที่ฝั่งตัวท็อปของ Meebook กันบ้าง Meebook M10 Pro Edition เรียกว่าจัดเต็มมาด้วยการรองรับปากกาสำหรับการเขียน เป็นอีกตัวเลือกที่เหมาะกับคนชอบจดโน้ต

จุดเด่น

  • หน้าจอแบบ E-ink ขนาด 10 นิ้ว ความละเอียด 200ppi อาจจะน้อยกว่าเพื่อนๆ หน่อย แต่ภาพยังคม
  • รองรับการใช้งานร่วมกับ ปากกา สำหรับการวาดเขียน
  • ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่สามารถติดตั้งแอปพลิเคชั่นผ่าน Play Store ได้
  • CPU เป็น Quad Core Cortex A55 พร้อมกับ RAM 3 GB (เช่นเดียวกับ Meebook M6 ทุกประการ)
  • หน่วยความจำภายใน 64GB และยังสามารถใส่ SD Card ได้สูงถึง 1TB ถึงแม้ว่าการใช้อ่านหนังสือและจดบันทึกทั่วๆ ไป อาจไม่จำเป็นต้องพึ่ง SD Card เลยก็ตาม
  • แบตเตอรี่ความจุ 3,900 mAh เพื่อรองรับหน้าจอขนาดใหญ่และฟีเจอร์ปากกา
  • น้ำหนักประมาณ 450 กรัม

จุดด้อย

  • - น้ำหนักประมาณ 450 กรัม จากหน้าจอและแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่า E-book Reader รุ่นอื่น
  • - ไม่มีอุปกรณ์เสริม เช่น คีย์บอร์ด (หากเทียบกับ E-book Reader ในระดับเดียวกัน)

Meebook M10 Pro Edition เป็นตัวท็อปของฝั่ง Meebook ที่พัฒนาจากรุ่น M6 มีการรองรับปากกาสำหรับวาดเขียน และหน่วยความจำสำหรับเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ทำให้เราสามารถเก็บหนังสือ และ การจดบันทึกต่างๆ ได้ในตัว

 

BOOX Tab Ultra C Pro

 

หากคิดว่าตัวท็อปของฝั่ง Meebook สุดแล้ว ถ้าอยากไปสุดจริงๆ ขอแนะนำจากแบรนด์ BOOX ในรุ่น Tab Ultra C Pro ที่บอกเลยว่า อาจจะเกินคำว่า E-book Reader ไปแล้ว

จุดเด่น

  • หน้าจอแบบ E-ink ขนาด 10.3 นิ้ว บนความละเอียด 300ppi พร้อมเทคโนโลยีเฉพาะ BSR Technology ที่ลดอาการช้าในการแสดงผล
  • หน้าจอสามารถแสดงผลสีได้ถึง 4,096 สี 
  • รองรับการวาดเขียนผ่านปากกา Stylus ที่รองรับแรงกดถึง 4,096 ระดับ เทียบเท่าได้กับสมาร์ทโฟนที่รองรับปากกา และสามารถใช้ท้ายปากกาเป็นเหมือนยางลบในดินสอได้
  • CPU เป็น Octa-Core พร้อม RAM ขนาด 6GB แรงระดับสมาร์ทโฟน สามารถใช้งานแอปพลิเคชั่นที่ซับซ้อน
  • ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่สามารถติดตั้งแอปพลิเคชั่นผ่าน Play Store ได้
  • หน่วยความจำภายใน 128GB จัดเก็บหนังสือได้นับหมื่นเล่ม
  • แบตเตอรี่ความจุ 4,600 mAh เทียบได้กับโทรศัพท์บางรุ่น
  • ตัวเครื่องมีลำโพงและไมโครโฟนในตัว
  • กล้องความละเอียด 16MP สำหรับการถ่ายภาพ
  • รองรับคีย์บอร์ดเป็นอุปกรณ์เสริม สามารถถอดเข้าออกได้ด้วยขั้วต่อแบบแม่เหล็ก และมาพร้อม trackpad

จุดด้อย

  • น้ำหนักประมาณ 450g

สำหรับ BOOX Tab Ultra C Pro เป็นอะไรที่เกินคำว่า E-book Reader ไปไกลมากๆ ทั้งหน้าจอแบบ E-ink ที่สามารถแสดงผลสีได้ เหมาะกับชาวอ่าน Webtoon และยังสามารถเป็นอุปกรณ์สำหรับจดบันทึกได้สบายๆ เป็นอีกทางเลือกสำหรับนักเรียนหรือนักศึกษาที่ไม่อยากใช้หน้าจอแท็บเล็ตที่เปล่งแสงออกมาให้ปวดตาเมื่อใช้ไปนานๆ โดยยังมีฟีเจอร์เทียบเท่ากับแท็บเล็ตทั่วไป แต่ทั้งหมดที่ว่ามานั้นก็แลกมากับราคาที่แอบดุดันพอสมควร เทียบได้กับแท็บเล็ต Android ดีๆ เครื่องหนึ่งเลยล่ะ
 

logoline