svasdssvasds
เนชั่นทีวี

1 ทศวรรษคดีเหมืองคลิตี้ “ความพ่ายแพ้ของผู้ชนะ” | สืบสวนความจริง | 23 ก.ย. 66 | PART 1

1 ทศวรรษคดีเหมืองคลิตี้ “ความพ่ายแพ้ของผู้ชนะ” | สืบสวนความจริง | 23 ก.ย. 66 | PART 1

1ทศวรรษคดีเหมืองคลิตี้ “ความพ่ายแพ้ของผู้ชนะ”


10 ปีคำพิพากษาเหมืองคลิตี้ การฟื้นฟู เขตอันตรรายงานขุดหางแร่ และดินปนเปื้อน ดำเนินการ  2 เฟส ยังมีหางแร่ทิ้งเอาไว้ที่บ้านคลิตี้ มากว่า 1 แสนตัน จุดที่มีการฟื้นฟูไปแล้ว บางส่วนยังทิ้งหางแร่เอาไว้เป็นหมื่นๆ ตันชาวบ้าน นับเป็นความพ่ายแพ้ของผู้ชนะ หลังคำพิพากษา สายน้ำคลิตี้ยังเป็นสายน้ำพิษ ที่ติดเชื้อ


หมู่บ้านคลิตี้ ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ปรากฏเป็นข่าวใหญ่ตามสื่อสาธารณะในปี 2541 เมื่อชาวบ้านกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นรวมตัว ร้องเรียนต่อกรมควบคุมมลพิษ ให้ตรวจสอบสารตะกั่วปนเปื้อนในลำห้วยคลิตี้

 

เกิดอะไรในหมู่บ้านของพวกเขา เมื่อน้ำในห้วยเริ่มส่งกลิ่นเหม็น สัตว์เลี้ยงทยอยล้มตายเป็นปริศนา ชาวบ้านล้มป่วยโดยไร้สาเหตุ บ้างปวดหัว  บ้างประสาทตาถูกทำลาย ทารกแรกเกิด เติบโตบนความผิดปกติของพัฒนาการทางสมอง มันคือความสูญเสียที่ไม่อาจเรียกคืน

 

ต้นตอของหายนะ เกิดจากการรั่วไหลของน้ำจากบ่อเก็บกักตะกอนหางแร่ ของโรงแต่งแร่ตะกั่ว บริษัท ตะกั่ว คอนเซนเตรทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้สัมปทานเหมืองแร่ตะกั่ว ในหมู่บ้านคลิตี้ ตั้งแต่ปี 2510 ส่งผลให้สารพิษไหลลงลำห้วยคลิตี้ กระทั่งบริษัทฯ ปิดกิจการเหมืองแร่ถาวรไปในปี 2544

 

นิติพล ตันติวานิช กำนันตำบลชะแล กล่าวว่า ชาวบ้านมีความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ เนื่องจากมีผลจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ มีค่าสูงกว่ามาตราฐาน บ่อ 12 ไร่ ที่เป็นต้นเหตุของปัญหายังไม่มีการดำเนินการอะไร ยกเว้นแต่การนำดินมากลบไว้ และบ่อที่ดำเนินการขุดไปบางส่วน พอฝนตกก็ยังไหลลงสู่ลำห้วยเหมือนเดิม ในลำห้วยทำยังไงสารก็ไม่หมด

 

สถาพร ทองผาภูมิปฐวี ผช.ผญบ.หมู่ 4 บ้านคลิตี้ กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวสูงกว่าลำห้วย เวลาที่ฝนตกน้ำนำสารไหลลงสู่ลำห้วย ซึ่งประเด็นนี้ที่เราเป็นห่วง แค่เอาดินไปกลบไว้ เราไม่เชื่อมั่นว่าเป็นการฟื้นฟูที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ

 

2547 ชาวบ้านคลิตี้ล่าง 22 คน ยื่นฟ้องกรมควบคุมมลพิษ ต่อศาลปกครอง ขอศาล สั่งชดเชยค่าเสียหาย และฟื้นฟูลำห้วย ให้กลับมาปลอดภัยดังเดิม 

 

10 มกราคม 2556 ชาวบ้านคลิตี้ล่างชนะคดี ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) จ่ายค่าชดเชย และฟื้นฟูลำห้วย โดยต้อง กำหนดแผนงาน วิธีการ และดำเนินการฟื้นฟู ตรวจ และวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำ ดิน พืช ผัก และสัตว์น้ำในลำห้วยคลิตี้ ให้ครอบคลุมทุกฤดูกาล อย่างน้อยฤดูกาลละ 1 ครั้ง จนกว่าจะพบว่าค่าสารตะกั่ว ไม่เกินเกณฑ์มาตรฐานเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี

 

นิติพล ตันติวานิช กำนันตำบลชะแล กล่าวว่า สิ่งที่มันไหลลงมา พอฝนตกแรงมันก็ไหลลงมาอีก มีบางส่วนยังไม่ดำเนินการ ยังไงก็ไม่หมด

 

ชาวบ้านคลิตี้ เรียกคำพิพากษานี้ว่า ความพ่ายแพ้ของผู้มีชัย เพราะชาวบ้านกำลังเผชิญปัญหาระลอกใหม่ที่ชื่อว่า “การฟื้นฟู”

 

สถาพร ทองผาภูมิปฐวี ผช.ผญบ.หมู่ 4 บ้านคลิตี้ กล่าวว่า ตอนนี้ได้มีการฟื้นฟูไปแล้ว 2 เฟส ซึ่งเรียบร้อยแล้ว แต่ในกระบวนการฟื้นฟุมีหลายขั้นตอนที่เรายังกังวลอยู่ กรณีกากหางแร่ที่เป็นบ่อพัก ยังไม่มีการนำออก เพียงแค่เอาดินมากลบไว้ บ่อหางแร่ตรงนี้ติดกับลำห้วยคลิตี้ เกรงว่าน้ำจะซึมลงลำห้วย เราอยากให้การทำงานเสร็จในแต่ละจุดนำกากหางแร่ออกให้หมด


ชาวบ้าน พาทีมข่าวสืบสวนความจริง ไปดูจุดฝังกลบหางแร่ ตามแผนการฟื้นฟูเฟส 1 และเฟส 2 ซึ่งไม่ได้นำกากหางแร่ไปทิ้ง แต่จุดทิ้งอยู่รอบๆ หมู่บ้าน จุดแรก คือพื้นที่ร่อง เนินเขา บ้านส่องพู จุดนี้ชาวบ้างกังวลว่า หากไม่นำหางแร่ออกไปให้หมด อีกไม่นานน้ำฝนจะชะล้างหางแร่ที่ฝังกลบไว้ ลงสู่ลำห้วย และปัญหาเดิมๆ ก็จะกลับมา

 

นิติพล ตันติวานิช กำนันตำบลชะแล กล่าวว่า มีการนำกากาหางแร่ออกไม่หมด มีการนำหินนำดินมากลบ 

 

ส่วนจุดนี้คือจุดฝังกลบหางแร่ ที่ดำเนินการในเฟสแรก และเฟสสอง มีการขุดออกไปบางส่วน แต่ยังเหลือกากหางแร่มากถึง 75.000 ตัน ถ้ารวม 2 เฟส ปริมาณกากหางแร่ ที่ฝังกลบอยู่มากกว่าแสนตัน มินำซ้ำพื้นที่ฟื้นฟูแล้ว ยังปักป้ายเขตอันตราย แล้วชาวบ้านจะมั่นใจได้อย่างไร

 

นิติพล ตันติวานิช กำนันตำบลชะแล กล่าวว่า ยังมีกองกากแร่ที่ยังค้างอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก หลักแสนตัน มีการพัดพาโดยน้ำลงลำห้วยอยู่เหมือนเดิม การฟื้นฟูจะไม่ประสบผลสำเร็จ ถ้าไม่นำกากหางแร่ออกไปให้หมด ถ้าเกิดว่าฟื้นฟูแล้วมันควรจะปลอดภัย ไม่ควรมีคำว่าเขตอันตราย แต่ทีนี้ยังมีคำว่าเขตอันตรายอยู่การฟื้นฟูแบบนี้ทำให้เกิดข้อกังวลว่ามันปลอดภัยจริงหรือเปล่า

 

แผนฟื้นฟูชุมชน และห้วยคลิตี้ กรมควบคุมมลพิษ จะต้องทำให้ลำห้วยกลับมาปลอดภัยใช้อุปโภคและบริโภคตามเกณฑ์มาตรฐาน ภายในกรอบเวลา 1,000 วัน ในภายหลัง มีการขอต่อเวลาเพิ่มอีก 82 วัน ด้วยเหตุผลว่าสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งตามสัญญาขอบเขตงาน (TOR) การฟื้นฟูจะต้องสิ้นสุดในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 โดยใช้งบประมาณทั้งศึกษา ออกแบบ และฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้  ทั้งสิ้น 454 ล้านบาท ทว่าเมื่อครบกำหนด นอกจากไม่อาจดำเนินการฟื้นฟูได้ตามเป้าแล้ว ยังพบปัญหาตามมาอีกระลอก

 

สถาพร ทองผาภูมิปฐวี  ผช.ผญบ.หมู่ 4 บ้านคลิตี้ กล่าวว่า เฟสแรก 1,000 วันเสร็จเรียบร้อยแล้วตามหลัก TOR แต่หน้างานสิ่งที่ฟื้นฟูจริง ยังตกค้างอยู่อีกมาก

 

นิติพล ตันติวานิช กำนันตำบลชะแล กล่าวว่า ค่าปนเปื้อนหลังจากการฟื้นฟู 15,000 เดิมค่าเฉลี่ย 25,000 โดยตลอดลำห้วย พอฟื้นฟุเฟสแรก เช็คค่าเหลือ 15,000 ซึ่งค่ามาตราฐานอยู่ที่ 400 เกินไปหลายร้อยเท่า

 

ปัญหาของกระบวนการฟื้นฟู ทั้งความไม่มีประสิทธิภาพของวิธีการ กระบวนการทำงานที่ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน นำมาซึ่งความสงสัยว่า หากไม่หยุดทบทวนแล้วแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น ชาวบ้านคลิตี้ ยังต้องเผชิญปัญหาจากกระบวนการฟื้นฟูที่ล้มเหลวเช่นนี้อีกกี่ครั้ง
 

นิติพล ตันติวานิช กำนันตำบลชะแล กล่าวว่า ไปเที่ยวน้ำตก นึกภาพ มีรากไม้ มีเกาะ มีน้ำตก ทีนี้ถ้าพูดว่าการเข้าไปทำการฟื้นฟู หนึ่งวิธีการทำ ทำยังไง เป็นคังแรกของประเทศไทยที่ทำแบบนี้ จะไปดูดตะกอนออกรากต้นไม้ทำยังไง มันทำไม่ได้ ต้องเป็นระบบธรรมชาติฟื้นฟู เราไม่ได้คาดหวังให้สะอาด 100% แต่อย่างน้อยเอาออกไปให้ได้มากที่สุด อย่างบนดินเรามองเห็น แต่ในน้ำเรามองไม่เห็น ในดินยังเอาออกไม่หมดเลย และในน้ำหละ จะไปมั่นใจได้ยังไง