
จ้าว เหว่ย คำราม "สามเหลี่ยมทองคำ" ปลอดยาเสพติด
เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ เมืองต้นผึ้ง สปป.ลาว พื้นที่แห่งนี้ หลายคนยังมองว่ามีภาพลักษณ์เป็นพื้นที่สีเทา ในวันยาเสพติดโลกปีนี้ ถือเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่น่าจับตามองว่า กลุ่มดอกงิ้วคำ ที่มีจ้าว เหว่ย รับสัมปทานพื้นที่จากรัฐบาลสปป.ลาวเพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับเอเชีย จะประกาศสงครามต่อต้านยาเสพติดอย่างไร
เพื่อสะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญเรื่องของการรณรงค์ ป้องกัน และ ปราบปรามยาเสพติด ในพื้นที่ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ และก้าวข้ามคำว่าเป็นพื้นที่สีเทา ที่ทุกคนเข้าใจตลอดมา การจัดงานแข่งขันวิ่งฮาร์ฟมาราธอน ครั้งที่ 3 ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงข้าม บ้านสบลวก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่ จัดขึ้นในวัน ต่อต้านยาเสพติดโลก ครบรอบ 36 ปี โดยมี จ้าวเหว่ย ประธานเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ นั่งโต๊ะ เป็นประธานในการจัดงาน
ที่ผ่านมาเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ เดินหน้าขจัดปัญหายาเสพติด ร่วม มือรัฐบาล สปป.ลาว สร้างพื้นที่สีขาว โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีชั้นสูงเข้ามาเสริมการปฎิบัติภารกิจตรวจค้นสิ่งเสพติด ทุกชนิดได้อย่างแม่นยำ และยังคงจับกุม ทั้งกลุ่มผู้ค้าและผู้เสพได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะชนชั้นแรงงาน ที่เข้ามาทำงานในพื้นที่ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำแห่งนี้
ชื่อของ จ้าว เหว่ย เริ่มเป็นที่รู้จัก หลังเข้ามา ลงทุนใน สปป.ลาว ในนาม บริษัทกลุ่มดอกงิ้วคำ จำกัด ในเครือจินมู่เหมียน จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2553 บนพื้นที่ 10,000 เฮกตร้า ด้วยงบลงทุน 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเปิดตัวธุรกิจ คิงส์โรมัน “บ่อนกาสิโน” ที่ปัจจุบันนี้ มีนายทุนชาวสิงค์โปร์ เข้ามาเช่าสัมปทานระยะยาว และ ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ALLUXI CASINO ที่มีโดมสีทองเป็นสัญลักษณ์ มองเห็นอย่างชัดเจนจากริมแม่น้ำโขง ฝั่ง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย จึงทำให้พื้นที่แห่งนี้ มักจะถูกมองว่า เป็นพื้นที่สีเทา และในอดีต สามเหลี่ยมทองคำ เขตดินแดนของสปป.ลาว-ไทย-เมียนมา ต่างเป็นที่รู้กันดีว่า เป็นดินแดนของยาเสพติด
ประธานเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ จ้าว เหว่ย เล่าให้ ทีมข่าว เนชั่นทีวี ว่า แม้เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ จะถูกกล่าวหาว่าเป็นแหล่งซ่องสุมยาเสพติด และอาชญากรรม การแก้ปัญหา และ ปราบปรามยาเสพติดจึงเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาพื้นที่ เพื่อให้เกิดความสงบปลอดภัย และ ทำให้เศรษฐกิจพัฒนาต่อได้ หนึ่งในวิธีคือ การส่งเสริมการเล่นกีฬาห่างไกลยาเสพติด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการแก้ไขปัญหายาเสพติด และ ยอมรับว่า ปัญหายาเสพติดจะต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา และที่สำคัญ ต้องได้รับความร่วมมือกับประเทศลุ่มน้ำโขง
ประธานเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ จ้าว เหว่ย กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดไม่ใช่ปัญหาที่แก้ได้ง่าย อาจจะต้องใช้เวลาในการปราบปราม ประชาชนทุกคนต้องช่วยกันให้ทุกคนรู้ถึงอันตรายของยาเสพติด ปลูกฝังตั้งแต่เด็ก ๆและต้องใช้เวลาอีกสักพัก หวังว่าจะสามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดได้ ข้าพเจ้าคิดว่า การต่อต้านยาเสพติด อาศัยแค่ทางฝั่ง สปป.ลาว ฝั่งเดียวเดียว คงไม่มีผลอะไรมาก จึงอยากจะร่วมกับฝั่งไทย ที่มีเป้าหมายที่จะจัดการกับปัญหายาเสพติดเช่นเดียวกัน ดังนั้นต้องช่วยเหลือแลกเปลี่ยนข้อมูล รายงานสถานการณ์ต่าง ๆให้กัน ทำแบบนี้ การปราบปรามยาเสพติดก็จะมีผลลัพธ์ที่ดี
ขณะที่ปัญหายาเสพติดใน เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ยังคงมีสถติการจับกุมเพิ่มขึ้น และมีการจับกุมคดีใหญ่ ที่สุดในช่วงเดือนตุลาคม 2565 คดีเดียว ตำรวจเมืองต้นผึ้ง ตรวจยึดยาบ้าได้ถึง 5.5 ล้านเเม็ด เคตามีน 66 กิโลกรัม ด้านข้อมูลจาก หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง หรือ นรข. เขตเชียงราย ยังพบสถิติการ จับกุมคดียาเสพติดตามลำน้ำโขงเขตสามเหลี่ยมทองคำ ดินแดน ไทย ลาว เมียนมา อย่างต่อเนื่อง ในปี งบประมาณ 2565 จับกุมทั้งหมด 50 ครั้ง ผู้ต้องหา 62 คน ยึดยาบ้าได้กว่า 22 ล้านเม็ด เฮโลอีน 38 กิโลกรัม ไอซ์ 226 กิโลกรัม และ เคตามีน 80 กิโลกรัม ขณะที่ปีงบประมาณ 2566 ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2565 จนถึง ปัจจุบัน จับกุมแล้ว 6 ครั้ง ยึดยาบ้ากว่า 6 ล้านเม็ด ไอซ์ 25 กิโลกรัม และยังคงมีการลาดตระเวนป้องปรามการลักลอบขนยาเสพติดตามลำน้ำโขงอย่างต่อเนื่อง
หัวหน้าฝ่ายยุทธการและการข่าว นรข.เขตเชียงราย น.อ.ภากร มาเนียม กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดเชียงรายโดยเฉพาะในพื้นที่ตามลำแม่น้ำโขงนั้นก็ยังคงมีข่าวสารความพยายามของขบวนการค้ายาเสพติดที่จะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ตอนบนของประเทศไทยเพื่อเข้าสู่ประเทศไทยและลงสู่พื้นที่ฉันในของประเทศ แม่น้ำโขงเป็นเส้นทางหนึ่งที่ขบวนการค้าขายยาเสพติดจะใช้ลำเลียงยาเสพติดสู่พื้นที่เป้าหมาย ได้มีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ประเทศลาวเกี่ยวกับการต่อต้านยาเสพติดและสถานการณ์อื่นๆที่จะเป็นประโยชน์ทำให้สถานการณ์ชายแดนระหว่างไทยลาวมีความสงบสุขเรียบร้อย
ด้านการพัฒนา ก้าวเข้าสู่ 16 ปี ของการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ เติบโตอย่างรวดเร็ว จ้าว เหว่ย ตั้งเป้าพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับเอเชีย ทิศทางในการพัฒนาคือ อุตสาหกรรมที่หลากหลายรูปแบบ และสร้างระบบการขนส่งที่ดี โดยใช้ประโยชน์จากแม่น้ำ โขง ร่วมกับ ลาว จีน ไทย นอกจากการพัฒนาการท่องเที่ยวแล้วยังต้องพัฒนาด้านการเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ฝั่งไทย ต้องร่วมมือกัน ทำให้เศรษฐกิจทั้ง 2 ฝั่งเติบโตยิ่งขึ้น เพื่อให้พัฒนาเศรษฐกิจไปได้อย่างราบรื่น และให้ประชาชนทั้ง ลาว ไทย ภาคเอกชน ดำเนินธุรกิจหรือมีชีวิตที่ดีขึ้นไปทั่วหน้า
ประธานเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ จ้าว เหว่ย กล่าวว่า ปีนี้เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำสร้างสถานที่ท่องเที่ยวไปหลายที่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ก้าวต่อไปก็ต้องพัฒนารายละเอียดต่าง ๆให้สมบูรณ์แบบ รองรับนักท่องเที่ยวจะเดินทางมาทั้งทางเรือ ทางรถ หรือทางอากาศ นักท่องเที่ยวมาเยอะ ทั้งที่นี่ เชื่อมต่อไปยังเวียงจันทร์ เพราะฉะนั้นจะอาศัยแค่พื้นที่สามเหลี่ยมคำไม่พอแน่นอน นักท่องเที่ยวมาลาว ไม่พอต้องไปเที่ยวไทยด้วยเพราะฉะนั้น เศรษฐกิจเป็นของทุกคน เป็นเศรษฐกิจร่วม ฉะนั้นพวกเราต้องร่วมกันสร้าง
ข้อมูลจาก เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย โรเบิร์ต โกเดค ระบุว่า ด้านปัญหายาเสพติดและการค้ามนุษย์ที่เกิดขึ้นโดยรอบพื้นที่ประเทศไทย สหรัฐ มองว่า อาชญากรรมข้ามชาติไม่มีพรมแดน ดังนั้นการค้ายาเสพติดที่มาจากเมียนมาก็ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ดังนั้นเราจึงต้องร่วมมือกัน โดย สหรัฐฯสนับสนุนเรื่องการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ไทยโดยมีงบประมาณหลายล้านเหรียญเพื่อช่วยเหลือเรื่องอุปกรณ์ และมีการปฎิบัติการ เพื่อทลายองค์กรเหล่านี้ และ สหรัฐฯ เคยออกรายงานชัดเจนว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษคิงส์โรมันส์บริเวณสามเหลี่ยมทองคำเป็นแหล่มบ่มเพาะอาชญากรรมข้ามชาติ สหรัฐฯยินดีสนับสนุนข้อมูลในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการต่อต้านการค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์
จึงเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กันต่อไปว่า แท้จริงแล้ว จ้าว เหว่ย คือ นักพัฒนา ที่นำพาความเจริญรุ่งเรื่อง พัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ครบวงจร ให้คนในพื้นที่มีรายได้หล่อเลี้ยงครอบครัว ทั้ง ลาว จีน และ ไทย หรือ เป็นเพียง เจ้าพ่อ แห่งมาเก๊า แห่งลุ่มน้ำโขง ที่เต็มไปด้วยธุรกิจสีเทา