อดีตผู้ว่าการเคหะฯ ขายที่ดิน เอื้อ"ยักษ์ใหญ่อสังหาฯ"| สืบสวนความจริง | 22 เม.ย. 66 | PART 1

อดีตผู้ว่าการเคหะฯ ขายที่ดิน เอื้อ"ยักษ์ใหญ่อสังหาฯ"

ข้อพิรุธ กรณีการเคหะแห่งชาติ หั่นที่ดินบางส่วนของโครงการเคหะร่มเกล้า หรือ พาร์ควิลล์ร่มเกล้า หน้ากว้าง 22 เมตร ยาว 47 เมตร เนื้อที่ 260 ตารางวา ให้แก่ชาวบ้าน ในราคา 28 ล้านบาท โดยอ้างว่าเพื่อใช้เป็นทางเข้า-ออกที่ดินตาบอด แท้ที่จริงแล้ว นายหน้า ยืมชื่อชาวบ้าน มาเสนอขอซื้อที่ดิน นำไปใช้เป็นทางเข้าออกโครงการหมู่บ้านจัดสรร ที่นายหน้าได้รวบรวมที่ดินแปลงใหญ่กว่า 170 ไร่ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยหลังจดทะเบียนซื้อขาย ชาวบ้านตามที่ถูกแอบอ้างชื่อได้โอนกรรมสิทธิ์ให้บริษัทในเครือแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ คือบริษัท แอตแลนติก เรียลเอสเตท จำกัด ตรงกับการสอบสวนเส้นทางเงินก็พบว่า เงินที่นำมาซื้อ เป็นเงินของบริษัท แอตแลนติกฯ 

 

หลังจากเรื่องนี้แดงขึ้นมา การเคหะฯ แต่งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้  ผลสอบสวนข้อเท็จจริง ให้ลงโทษสถานเบา แค่ว่ากล่าวตักเตือน อดีตผู้ว่าการเคหะฯ กฤษดา รักษากุล และ ผู้บริหารการเคหะฯ 3 ราย ที่อนุมัติขายที่ดิน โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ คณะรัฐมนตรี

 

แต่ต่อมา เรื่องส่งมาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ล่าสุด  5 เมษายน 2566 ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดอดีตผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กฤษดา รักษากุล กับพวก รวม 33 ราย หนึ่งในนั้น คืออนันต์ อัศวโภคิน อดีตประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) 

นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ประเด็น ​ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2557 คสช.ทำหน้าที่เป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาและมีมติเห็นชอบหลักการกรอบแผนการลงทุนและอนุมัติโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ 1 ปี 2557 ซึ่งมีโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนหารายได้ร่มเกล้าระยะที่ 10 (พาร์ควิลล์ ร่มเกล้า)  มีแผนที่จะก่อสร้างอาคารพาณิชย์ จำนวน 269 หน่วยในพื้นที่กว่า 35 ไร่รวม

ต่อมามี ประเสริฐ บินอานัด กับพวกรวม 8 ราย (เจ้าของที่ดินที่มีพื้นติดกับที่ดินของการเคหะแห่งชาติ) ได้ร่วมมือกับ เจริญพนิช จันทภิรมย์รักษ์ นายหน้าค้าที่ดิน กับพวกรวม 3 ราย โดยมอบอำนาจลอยระบุว่าผู้มอบอำนาจได้มอบอำนาจให้นายหน้าเป็นผู้ดำเนินการยื่นเสนอขอซื้อที่ดินในโครงการที่ ครม. ได้อนุมัติแล้วเนื้อที่ 260 ตารางวา ความกว้าง 22 เมตร ความยาว 47 เมตร 

ทั้งที่ ประเสริฐ กับพวก 8 ราย ไม่มีความประสงค์ที่จะซื้อที่ดินในโครงการดังกล่าวตั้งแต่แรก เนื่องจากสามารถเข้าออกที่ดินผ่านทางเดินริมคลองได้อยู่แล้วและไม่มีเงินเพียงพอที่ซื้อได้ แต่เป็นความประสงค์ของ เจริญพนิช นายหน้าค้าที่ดินกับพวก 3 ราย ที่ต้องการซื้อที่ดินดังกล่าวไว้ใช้เป็นทางเข้าออกของโครงการหมู่บ้านจัดสรรที่ฝ่ายนายหน้าได้รวบรวมที่ดินแปลงใหญ่ จำนวนกว่า 170 ไร่ ไว้ก่อนแล้ว

เมื่อการเคหะแห่งชาติ ได้รับคำเสนอซื้อแล้วได้มีการเสนอที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาการปรับปรุงโครงการด้านกายภาพ (คณะหนึ่ง) ซึ่งมี ชวนินทร์ พรหมรัตนพงษ์ รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เป็นประธานในที่ประชุมได้พิจารณาการเสนอซื้อที่ดินของนายหน้า และมีมติขายที่ดินระบุให้สิทธิโดยตรง เนื่องจากเป็นที่ดินตาบอดไม่มี
ทางเข้า - ออกสู่ทางสาธารณะ

คณะกรรม ป.ป.ช.พบว่า บังอร ทองส่งโสม กับพวก 5 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารทรัพย์สินและอาคารเช่า มีหน้าที่ตรวจสอบคำเสนอซื้อ แต่ละเว้นไม่ดำเนินการ ทำให้ไม่ทราบถึงพฤติการณ์การขอซื้อที่ดินของนายหน้า เพื่อนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ และเป็นฝ่ายเสนอเรื่องให้ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ พิจารณาอนุมัติขายที่ดิน

ส่วน กฤษดา อนุมัติโดยไม่ได้ตรวจสอบ ทั้งที่ทราบดีว่าที่ดินดังกล่าว เป็นที่ดินที่คณะรัฐมนตรี อนุมัติให้จัดทำโครงการพาร์ควิลล์ ร่มเกล้า แล้ว นอกจากนั้น การอนุมัติขายที่ดินของผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ยังหลีกเลี่ยงการยื่นซองเสนอซื้อหรือการประกวดราคาตามระเบียบการเคหะแห่งชาติว่าด้วยการขายที่ดิน พ.ศ. 2548 ข้อ 7
 
นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ภายหลังจากที่ กฤษดา อนุมัติขายที่ดิน เจริญพนิช กับพวกรวม 3 ราย ได้ไปทำความตกลงกับ นันทวัฒน์ พิพัฒวงศ์เกษม กรรมการบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ว่าบริษัทจะรับผิดชอบเงินที่ต้องชำระค่าที่ดินจำนวนกว่า 28 ล้านบาท โดยการสั่งจ่ายเป็นแคชเชียร์เช็ค 2 ฉบับจ่ายโดยตรงให้กับการเคหะแห่งชาติ ฉบับแรกจำนวน 5.8 ล้านบาท และฉบับที่ 2 กว่า 23 ล้านบาท 

จากนั้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2558 การเคหะแห่งชาติได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 48160 ให้กับ ประเสริฐ บินอานัด กับพวก 8 ราย โดยมีนายหน้าทำการแทนทั้งในฐานะผู้รับมอบอำนาจของผู้ซื้อและผู้ขาย ให้กับบริษัท แอตแลนติก เรียลเอสเตท จำกัด (บริษัทในเครือบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)) จากนั้นบริษัท แอตแลนติก เรียลเอสเตท จำกัด ได้มอบแคชเชียร์เช็คให้กับการเคหะแห่งชาติจนครบถ้วน

​​การละเว้นตรวจสอบคำเสนอซื้อ จึงเป็นการร่วมกันทุจริต หลีกเลี่ยงการยื่นซองเสนอราคา มาเป็นวิธีให้สิทธิโดยตรง เท่ากับฝ่าฝืนมติคสช. และไม่ปฏิบัติตามมติคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ให้ได้มาซึ่งที่ดิน ตามที่วางแผนเอาไว้

นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า การกระทำของ กฤษดา รักษากุล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ, ชวนินทร์ พรหมรัตนพงษ์  พัชรวรรณ สุวปรีชาภาส ประภาส สัมมาชีพ  สุเมธัส  ชูจิตารมย์ วิญญา สิงห์อินทร์ และจงรัก เฉลิมเกียรติ ในฐานะกรรมการพิจารณาการปรับปรุงโครงการด้านกายภาพ (คณะหนึ่ง) มีมูลความผิดทางอาญา   ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 และมาตรา 11  ,พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามข้อบังคับการเคหะ ฉบับที่ 66 ว่าด้วยการบรรจุ การแต่งตั้ง การตัด หรือลดขั้นเงินเดือน การออกจากตำแหน่ง วินัย การลงโทษ และการอุทธรณ์การลงโทษ   ของพนักงาน ข้อ 38

นอกจากนั้นชาวบ้านและนายหน้า ถือว่าเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ  รวมทั้งการกระทำของบริษัทที่เป็นนิติบุคลคล ซึ่งจะมีนายอนัน อัศวโสภณ เป็นกรรมการผู้จัดการ จะต้องรับผิดชอบด้วย ในฐานะสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดตามกฎหมายดังกล่าว ประกอบมาตรา 86 ให้ส่งสำนวนเพื่อให้อัยการสูงสุดดำเนินการฟ้อง ในศาลอาญาทุจริต และวินัยส่งให้การเคหะเพื่อดำเนินการทางวินัยกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป 

“อนันต์ อัศวโภคิน” อภิมหาเศรษฐีวงการอสังหาริมทรัพย์ กลับมาได้รับความสนใจจากสาธารณชนอีกครั้ง  ชื่อของเขากับบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด ยักษ์ใหญ่ด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์  รวมถึงบริษัท แอตแลนติก เรียลเอสเตท จำกัด บริษัทในเครือ ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา โดนคณะกรรม ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ฐานสนับสนุนพนักงานในหน่วยงานของรัฐกระทำผิด

 

การชี้มูลความผิดจาก ป.ป.ช.ดังกล่าว เป็นแค่กระบวการขั้นต้น ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดยังมีสิทธิต่อสู้แก้ข้อกล่าวหาในชั้นอัยการ และชั้นศาลต่อไป จึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ จนกว่าจะมีคำพิพากษาจากศาลอันถึงที่สุด