Nation Crime ย้อนรอยคดีฆ่าข่มขืนเด็กทิ้งรถไฟ 3

รพีพรรณ :  ปฎิเสธไม่ได้ว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์ทั้ง 2 กรณีนี้ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมมากขึ้น โดยผู้เสียหายออกมาแจ้งความดำเนินคดีมากขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ไม่กล้า เพราะเกิดความอับอายและหวาดกลัว ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขสถิติของมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม ปี 2564 พบความรุนแรงทางเพศ ร้อยละ 48  // และปี 2565 พบความรุนแรงทางเพศ ร้อยละ 73 จะเห็นตัวเลขความรุนแรงพุ่งสูงขึ้น ส่วนใหญ่ผู้ก่อเหตุจะเป็นคนใกล้ตัว ซึ่งตัวเลขนี้สะท้อนได้ว่าการเกิดเหตุมีจำนวนมากขึ้นจริง//

ผู้อำนวยการมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม  ยอมรับว่า ประเทศไทยไม่มีศูนย์ที่รับเรื่องคดีข่มขืนโดยตรง จึงทำให้ผู้เสียหายเข้าไม่ถึงสิทธิของกระบวนการยุติธรรมและเงินเยียวยา ถ้าแก้ไขตรงนี้ได้จะเกิดผลดีและตัวเลขคดีข่มขืนจะลดลง//

จากกรณีที่เกิดขึ้นทั้ง 2 เหตุการณ์ สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคม โดยเฉพาะระบบบริการที่เอื้อต่อการนำไปสู่การเรียกร้องสิทธิตามกฎหมาย และคนผิดได้รับการลงโทษ ขณะที่กฎหมายคดีข่มขืนมีการปรับแก้กฎหมายมาโดยตลอด จากเดิมยอมความได้ จนช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ปี 2562 มีการปรับแก้กฎหมายว่าการข่มขืนกระทำชำเราเป็นคดีที่ยอมความไม่ได้ และการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของพนักงานรถไฟก่อนรับเข้าทำงาน//    ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทย เพิ่มมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิดในขบวนรถไฟ และการยกเลิกการขายสินค้าในขบวนรถไฟ  รพีพรรณ : หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว สร้างเสียงเรียกร้องให้การรถไฟหาขนทางป้องกันและมาตรการความปลอดภัยที่รัดกุมแน่นหนาขึ้นมากกว่าเดิม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย เร่งฟื้นความเชื่อมั่นในการให้บริการให้กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด ได้แก่ การยกระดับคุณภาพพนักงาน รฟท. คุณภาพการบริการบนขบวนรถ และคุณภาพการรักษาความปลอดภัยบนขบวนรถ ด้วยการติดตั้งกล้องวงจรปิดในขบวนรถไฟ และการยกเลิกการขายสินค้าในขบวนรถไฟ เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นและมั่นใจในการเดินทางแก่ผู้โดยสารที่เป็นสุภาพสตรี และผู้โดยสารที่เดินทางคนเดียว และหวังว่าเหตุการณ์อันโหดร้ายดังกล่าว จะไม่เกิดขึ้นกับใครอีก