เกิดดราม่าขึ้นจจนได้หลังศึกวอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ ลีก "VNL2022" รอบไฟนอลส์ หรือ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่กรุงอังการา ประเทศตุรกี ระหว่างวันที่ 13-17 ก.ค. ทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ทีมอันดับ 14 ของโลก ลงสนามพบกับเจ้าภาพ ตุรกี ทีมอันดับ 5 ของโลก
โดยผลการแข่งขันดังกล่าวเซตแรก ทั้งสองทีมออกสตาร์ตได้อย่างสูสี แต่สาวไทยทำได้แน่นอนกว่าในช่วงท้ายเซต เอาชนะไปได้ก่อน 25-23 แต่ เจ้าภาพ ก็ทวงคืนได้ทันควันในเซตที่ 2 ชนะกลับไปได้บ้าง 25-15 ตีเสมอเป็น 1-1 เซต
เซตที่ 3 ไทยพยายามอย่างเต็มที่ แต่ยังไม่สามารถต้านทานลูกตบอันหนักหน่วงของทีมเจ้าภาพไหว พ่ายไปอีก 18-25 ทำให้ตุรกีขึ้นนำ 2-1 เซต ต้องการอีกแค่เซตเดียวก็จะเก็บชัยชนะแมตช์นี้ทันที
เซตที่ 4 ยังเป็นทีมนักตบสาวตุรกีที่ทำได้ดีกว่า และเอาชนะไปอีก 25-21 ส่งผลให้ ตุรกี ชนะไป 3-1 เซต ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปพบกับ อิตาลี ต่อไป ส่วนทีมชาติไทยแม้จะแพ้และจบการแข่งขันด้วยอันดับ 8 แต่ก็ถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีม
ซึ่งดราม่าดังกล่าวเกิดจากความไม่พอใจของแฟนวอลเลย์บอลที่มีต่อ "เอบรา คาราคูร์ต" นักตบตุรกีซึ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่นคือผมสีชมพู โดยมองว่ามีการแสดงอาการดีใจจนเกินเบอร์ คล้ายกับเป็นการเยาะเย้ยทีมไทย แม้จะเป็นช่วงที่ทำแต้มเล็กน้อยแค่ไหนก็ตามเจ้าตัวจะแสดงกิริยาที่เรียกว่าเล่นใหญ่มาก ทั้งการตะโกนลั่นแบบว้าก ทำสายตาถมึงทึง ซึ่งถูกมองว่าการทำในลักษณะแบบนี้เหมือนเป็นการไม่ให้เกียรติคู่แข่ง
นอกจากนี้ แฟนวอลเลย์บอลไทยยังมีการขุดถึงอดีตของคาราคูร์ตตอนที่เล่นให้ทีมชาติตุรกีชุด U-18 ในปี 2018 ตอนนั้นพบกับอิตาลี ซึ่งพอเธอตบทำแต้มได้หน้าเน็ต ก็ส่ายหน้าอกโชว์ผู้เล่นอีกฝั่งทันที จนกรรมการควักใบแดงไล่ออกจากสนามอีกด้วย
อย่างไรก็ตามหลังจบการแข่งขันนักตบลูกยางสาววัย 22 ปี ของตุรกีได้เคลื่อนไหวโดยโพสต์ชี้แจงผ่านอินสตราแกรมส่วนตัว "ebrarkarakurt18" โดยระบุว่า "ถึงแฟนชาวไทยที่รัก มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีอารมณ์ร่วมระหว่างการเล่นกีฬา ฉันไม่ได้มีอะไรในใจต่อนักกีฬาที่ทรงคุณค่าของพวกคุณ ฉันรักประเทศของพวกคุณ และนักกีฬาของพวกคุณด้วย เราทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของกีฬานี้"