
ทีม เอ ไทยส่ง ภัทรพงศ์ ยุพดี ลงคู่กับ จิรศักดิ์ ผักบัวเงิน ลงดวลกับ นวม สุวันนริด-พิททาสาน บูนประเสิด ซึ่งในการแข่งขันเซตแรกหนุ่มไทยสู้กับลาวอย่างสูสี แต่สุดท้ายเป็นฝ่ายไทยที่ทำแต้มได้แน่นอนกว่าเอาชนะไป 21-18 จากนั้นเซต 2 รูปเกมยังสู้กันสนุกก่อนไทยทำแต้มปิดเซตได้ก่อนแต่ทางฝั่งลาวขอดูชาลเลนจ์ และเป็นลาวที่ได้แต้มไป แต่หนุ่มไทยก็ยังทำแต้มได้ดีก่อนเอาชนะไป 21-18 ไทยออกนำก่อน 1-0 ทีม
จากนั้น ทีมชุดบี ไทยส่ง อนุวัฒน์ ชัยชนะ คู่กับ อัษดิน วงศ์โยธา ลงสู้กับ กันตานา นันทิเสน-โยธิน สมบัดพูทอน ซึ่งเกมยังคงสู้กันสูสี หนุ่มไทยต้องออกแรงถึงเซต 3 ก่อนเป็นหนุ่มไทยที่ยังฟาดทำแต้มได้แน่นอนกว่า เอาชนะไปในที่สุด 2-1 เซต 21-18, 18-21, 21-14
สรุป ไทย เอาชนะ ลาว 2-0 ทีม คว้าเหรียญทองแรกในประเภทตะกร้อคู่ ทีมชุด ของไทย โดยเป็นเหรียญทองที่ 3 ของทัพตะกร้อของไทยในศึกเอเชี่ยนเกมส์ครั้งนี้
จากชัยชนะในครั้งนี้ ส่งผลให้ "ปุ้ย" พรชัย เค้าแก้ว ที่อยู่ร่วมใตทีมตะกร้อคู่ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่เป็นนักกีฬาไทยที่คว้าทองมาครองมากที่สุด 10 เหรียญทอง โดยก่อนหน้านี้มีเพียง "โจ้หลังเท้า" สืบศักดิ์ ผันสืบ และ "โอเล่" สุริยัน เป๊ะชาญ เคยคว้าไป 7 ทอง
สำหรับทีมตะกร้อไทย ยังเหลือการแข่งขันในประเภท ตะกร้อ 4 คนหญิง ซึ่งจะแข่งขันในวันที่ 28 ส.ค. รอบแรก ไทย พบ มาเลเซีย เวลา 15.00 น.
ทั้งนี้ ทีมนักตะกร้อหนุ่มไทย จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 26 ส.ค. ด้วยสายการบินการูดา อินโดนีเซีย เที่ยวบิน GA864 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 20.10 น.