svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

สัมภาษณ์พิเศษ "ดนัย อุดมโชค"......อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของไทย

"มันก็มีบ้างนะที่ผมเคยคิดว่าตัวเองเกิดมาผิดยุค และต้องอยู่ใต้เงาของ "พี่บอล" (ภราดร) แต่มองในอีกมุมนึง ถ้าไม่มีพี่บอล ผมก็อาจไม่ได้มาจนถึงวันนี้ เพราะผมยกให้เขาเป็นไอดอล เป็นมาตรฐานที่ผมต้องตามไปถึงจุดที่เขายืนอยู่ให้ได้" นี่เป็นหนึ่งในวลีจาก "เจ้าปิ๊ก" ดนัย อุดมโชค อดีตนักเทนนิสทีมชาติไทย ที่ในเวลานั้นถูกมองว่าเป็นเบอร์สองรองจาก "ภราดร ศรีชาพันธุ์" ถึงแม้ว่าเขาจะมีส่วนสูงเพียง 173 ซม. แต่เขาก็ได้สร้างหน้าประวัติศาสตร์ของตัวเองขึ้นมา ด้วยการโค่นมือดังของโลกมาแล้วนับไม่ถ้วน ทำให้เด็กๆหลายคนยกเขาเป็นหนึ่งในไอดอล ซึ่งนับว่าวงการเทนนิสบ้านเราเฟื่องฟูที่สุดในยุคนั้น.. วันนี้เราจะมาพูดคุยกับ "ดนัย" ถึงชีวิตความเป็นอยู่หลังตัดสินใจแขวนแร็กเก็ตว่าเป็นอย่างไรบ้าง? และแมตช์ไหนคือความทรงจำที่น่าประทับใจที่สุดตลอดการเล่นอาชีพเป็นเวลา 18 ปี รวมถึงมุมมองเขาต่อวงการเทนนิสไทยในปัจจุบันว่าพอจะมีโอกาสได้เห็นนักเทนนิสไทยขึ้นไปติดท็อป10 ของโลกได้อีกครั้งหรือไม่? ..........ไปติดตามบทสัมภาษณ์ของเขากันเลยครับ..

ชีวิตหลังจากแขวนแร็กเก็ตเป็นอย่างไรบ้าง?




เริ่มตั้งแต่แขวนแร็กเก็ต หลังได้เหรียญทองซีเกมส์เมื่อปี 2015 ที่สิงคโปร์ ผมก็ได้มาเป็นโค้ชให้ ลู เยินซุน นักเทนนิสชาวไต้หวัน มือท็อป 100ของโลก ซึ่งเราสนิทกันและได้คุยกันตั้งแต่อินชอน ที่เกาหลีใต้แล้วอันที่จริงนั้นตอนนั้นผมก็ยังอยากเล่นอยู่นะ ยังไม่ได้อยากเป็นโค้ชก็เลยตัดสินใจเล่นไปด้วยเป็นโค้ชด้วยตั้งแต่ช่วงต้นปี 2015 นั่นแหละ ก่อนที่จะตัดสินใจเลิกเล่น..พอหลังจบจากซีเกมส์ ก็ผันตัวมาเป็นโค้ชเต็มตัวให้ ลู (เยินซุน) มาตลอด 2-3 ปี ก่อนเมื่อช่วงปีที่แล้ว จะมาเปิดอะคาเดมี่ สอนเทนนิสให้กับเด็กๆอยู่แถวสุขุมวิท 26 ในชื่อ DNA Tennis ซึ่งเปิดมาได้8-9 เดือนแล้วครับ ตอนนี้มีเด็กๆในอะคาเดมี่ ประมาณ 40คนแล้วครับ






แล้วชีวิตครอบครัวตอนนี้ล่ะเป็นอย่างไรบ้าง?




ตอนนี้ผมก็โฟกัสให้กับครอบครัวก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากหลายปีที่ผ่านมาผมต้องเดินทางตลอดแม้ว่าตอนนี้จะมีบ้างที่ต้องเดินทางแต่เมื่อกลับเมืองไทยครอบครัวต้องเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเพราะพวกเขาทำให้ผมอยู่กับเทนนิสจนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้ผมมีครอบครัวเล็กๆที่อบอุ่นมีลูกชาย 1 คน ลูกสาวอีก 1 คน ..ลูกชายคนโตของผมอายุ 5 ขวบเขาก็เริ่มจับไม้เทนนิสแล้ว ผมก็ให้เขาเริ่มเล่นเทนนิสอาทิตย์ละครั้งทุกวันจันทร์ ซึ่งผมก็หวังให้เขาเป็นนักเทนนิสอาชีพแบบผมเหมือนกันนะแต่ก็แล้วแต่เขาเลย.. ผมไม่อยากบังคับ ขึ้นอยู่กับที่เขาเลือกดีกว่า ส่วนผมก็พร้อมสนับสนุนเต็มที่อยู่แล้วครับ


สัมภาษณ์พิเศษ "ดนัย อุดมโชค"......อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของไทย




เหตุผลที่ตัดสินใจแขวนแร็กเก็ตในวัย34ปี ทั้งๆที่ร่างกายยังไหว?




ตอนนั้นถามว่าผมยังเล่นได้อยู่มั้ย ? ผมก็คิดว่ายังเล่นได้อยู่นะ ถ้าจะรักษาอันดับให้อยู่1ใน300ก็ยังไหวอยู่นะ เพียงแต่ว่ามันไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่มีแรงกระตุ้นให้กับตัวเองในการฝึกซ้อม เหมือนกับว่าเราไม่รู้จะซ้อมไปทำไม? เลยตอบคำถามให้ตัวเองไม่ได้ ว่าเราจะซ้อมหนักไปเพื่ออะไร?เพราะว่าเมื่อก่อนเป้าหมายที่ผมซ้อมหนักก็เพราะว่าต้องการที่จะติดท็อป100ของโลกให้ได้ ซึ่งผมก็เคยทำได้ที่อันดับ77โลก เมื่อต้นปี2007แต่หลังจากนั้นผมก็ต้องเผชิญกับปัญหาอาการบาดเจ็บไหล่ขวา จนต้องผ่าตัด และหลังจากหายเจ็บก็พยายามที่จะกลับมาให้ได้แต่ก็ทำอันดับสูงสุดได้ไม่เกินที่108แล้วหลังจากนั้นอันดับโลกของผมก็ตกลงมาเรื่อยๆ ซึ่งผมคิดว่าความกระหายของตัวเองก็ลดตามลงมาเรื่อยๆด้วย โดยอันดับโลกของผมในตอนนั้นค้างอยู่ที่200-230มาตลอด ก็เลยคิดว่าจะไปหาอย่างอื่นทำที่มันเกี่ยวกับเทนนิสเนี่ยแหละ ซึ่งเราเองก็มีประสบการณ์ และพอดีกันกับที่ ลู (เยินซุน) ชักชวนให้ไปช่วยเป็นโค้ช ก็เลยตัดสินใจเลือกแขวนแร็กเก็ตในที่สุดครับ





ได้ตัดสินใจไว้ก่อนหรือเปล่าว่าจะเลิกเล่นทันทีหลังจบซีเกมส์?




หลังจากที่คว้าเหรียญทองซีเกมส์ ที่สิงค์โปร์ ตอนนั้นก็ยังไม่คิดเรื่องแขวนแร็กเก็ตอยู่ในหัวเลย จนมีอยู่คืนนึงที่ผมได้เดินทางไปเป็นโค้ชให้เด็กๆในโครงการบินสู่ฝันของแอร์เอเชีย ที่ประเทศเวียดนาม ผมก็มีความคิดแว๊บขึ้นมาในหัว ว่าถ้าเราเลิกเล่นตอนนี้ มันจะเป็นการปิดฉากอาชีพที่สวยหรูมาก เพราะผมเพิ่งคว้าเหรียญทองให้กับทีมชาติเป็นครั้งสุดท้าย ก็เลยตัดสินใจโพสต์ลงเฟสบุ๊กทันที โดยไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย แม้กระทั่งภรรยาและครอบครัว ซึ่งก่อนหน้านี้ภรรยาผมเองก็พยายามยื้อให้ผมเล่นต่อมาโดยตลอด ผมก็เล่นมาได้2ปีกว่านะ จนถึงคืนนั้นที่ผมได้ตัดสินใจยุติเส้นทาง18ปี ในการเล่นเทนนิสอาชีพ


สัมภาษณ์พิเศษ "ดนัย อุดมโชค"......อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของไทย









แมตช์ที่ประทับใจที่สุดในความทรงจำของ "ดนัย" คือแมตช์ไหน?




แน่นอนก็ต้องเป็น ออสเตรเลียน โอเพ่นครับ เพราะว่ามันเป็นรายการแกรนด์สแลมที่ผมสามารถที่จะเอาชนะอดีตมือ1ของโลก อย่าง ฮวน คาร์ลอส เฟอร์เรโร่ ได้ ผมคิดว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่พีคที่สุดของผมแล้วเพราะว่าหลังจากได้เหรียญทองเอเชียนเกมส์ ที่โดฮาเมื่อปี2006ถัดมาในต้นปี2007ผมก็สามารถเข้าถึงรอบ3ออสเตรเลียน โอเพ่นได้แต่ก็เสียดายที่มาแพ้ให้กับ โนวัค ยอโควิช แชมป์วิมเบิลดันคนล่าสุด ซึ่งวันนั้นเราเล่นกันถึงสี่เซตแล้วก็มีอีกหนึ่งแมตช์ที่ประทับใจไม่แพ้กัน และจะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ แมตช์ที่เอาชนะทอมมี่ ฮาส ซึ่งตอนนั้นเขาก็เป็นมืออันดับ10ของโลก(อันดับสูงสุดมือ2โลก) เราต้องเล่นกันถึงห้าเซตก่อนเอาชนะมาได้แถมยังเป็นการเอาชนะบนคอร์ดดิน และเป็นครั้งเดียวที่ผมเคยชนะบนคอร์ดดินซึ่งไม่คิดว่าจะเอาชนะได้ อีกทั้งยังเป็นการชนะที่เยอรมัน บ้านเกิดของ ฮาส ที่สำคัญวันนั้นผมลงเล่นในนามทีมชาติในศึกเดวิสคัพเช่นเดียวกับแมตช์ที่เอาชนะ เลย์ตัน ฮิววิตต์ อดีตมือ1ของโลกอีกคนชาวออสเตรเลียที่เมืองไทย ซึ่งตอนนั้นเราเล่นกันถึงห้าเซต ก่อนเอาชนะมาได้ในนามทีมชาติเหมือนกัน









ความภาคภูมิใจทุกครั้งที่ลงแข่งในนามทีมชาติไทยของ "ดนัย อุดมโชค"?





การลงแข่งขันในนามของ"ดนัย"มันก็เป็นความภาคภูมิใจในอีกแบบนึงนะ..แต่การได้ลงเล่นในนามทีมชาติมันยิ่งใหญ่กว่า เพราะเราไม่ได้ภูมิใจแค่คนเดียวมันทำให้คนทั้งประเทศที่ตามเชียร์ได้ภูมิใจไปกับเราด้วย การเล่นให้ทีมชาติผมว่ามันกดดันกว่านะมันเป็นภาระอันหนักอึ้งที่ต้องแบก เพราะทุกคนคาดหวังอยากให้เราชนะ แต่ถ้าเราทำสำเร็จมันถือเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากกว่าการเล่นในนามของตัวเองค่อนข้างเยอะพอสมควรครับ

สัมภาษณ์พิเศษ "ดนัย อุดมโชค"......อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของไทย





คิดยังไงที่คนมองว่าอยู่ใต้เงาของ "ภราดร"เคยคิดว่าตัวเองเกิดมาผิดยุคมั้ย?


มันก็มีบ้างนะที่ผมเคยคิดว่าตัวเองเกิดมาผิดยุคและต้องอยู่ใต้เงาของ "พี่บอล" (ภราดร) แต่มองในอีกมุมนึง ถ้าไม่มีพี่บอล ผมก็อาจไม่ได้มาจนถึงวันนี้ เพราะผมยกให้เขาเป็นไอดอลเป็นมาตรฐานที่ผมต้องตามไปถึงจุดที่เขายืนอยู่ให้ได้" เหมือนกับว่าเขาเป็นคนนำและผมเป็นคนตาม มันก็เลยทำให้ผมมีความกระหาย มีแรงกระตุ้นที่จะพัฒนาตัวเองในการฝึกซ้อมอยู่ตลอดเวลาซึ่งผมไม่คิดว่าคนตัวเล็กๆอย่างผมจะก้าวขึ้นมาติดท็อป 100 ได้และคงเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่มี "พี่บอล" เป็นแรงบันดาลใจ

สัมภาษณ์พิเศษ "ดนัย อุดมโชค"......อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของไทย



สัมภาษณ์พิเศษ "ดนัย อุดมโชค"......อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของไทย









เคยคิดมั้ยว่าตัวเอง ตัวเล็กเกินไปสำหรับกีฬาเทนนิส?



ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าสรีระของเราเป็นอุปสรรคในการเล่นเทนนิสทั้งความสูง , ลูกเสิร์ฟ , สโตกร์ที่หนักหน่วง มันอาจจะยากอยู่ แต่พอเราอยู่กับการเล่นในระดับนั้นนานๆผมก็คิดว่า เฮ้ย! เราก็ตีได้นี่หว่า?เพราะว่าเทนนิสมันเป็นกีฬาที่ไม่จำเป็นต้องใช้แรงอย่างเดียวมันเป็นเกมที่ต้องใช้สมอง , ความกระฉับกระเฉง , ความว่องไว ซึ่งตรงนี้เราก็มีเราก็ต้องสร้างจุดเด่นของเราขึ้นมาทดแทนให้ได้ แทนที่จะไปมัวคิดว่า เขาสูงกว่าแข็งแรงกว่า เราสู้เขาไม่ได้หรอก คนตัวเล็กๆอย่างเราจะไปเอาชนะอะไรฝรั่งได้.. ซึ่งถ้าเราคิดแบบนั้นเราก็แพ้ไปครึ่งนึงแต่แรกแล้วครับผมก็เลยพยายามสร้างจุดแข็งขึ้นมาเพื่อให้สามารถต่อกรกับฝรั่งได้..

"ยิ่งเราตัวเล็กสไตล์การเล่นของเราก็ต้องเหนียวแน่น,ว่องไวซึ่งแต่ละแต้มที่เรากว่าจะได้มาเลือดตาแทบกระเด็น เพราะฉะนั้นผมก็เลยคิดว่าเราต้องซ้อมหนักให้มากกว่าคนอื่นแล้วจะประสบความสำเร็จ..คุณรู้มั้ย!? มีครั้งนึงผมไปเก็บตัวที่ยุโรปอยู่หนึ่งเดือน ในตอนนั้นผมซ้อมวันละ6 ชั่วโมง เรียกได้ว่าหลังจากซ้อมเสร็จผมแทบจะคลานออกจากสนามเลยครับฮ่าๆ"





ดนัย อุดมโชค กับฉายา "เล็กพริกขี้หนู"




ผมชอบนะกับฉายานี้ ยอมรับว่าตอนเด็กๆตัวเล็กมากกกกก.. ไม่คิดว่าจะโตมาได้ขนาดนี้ ฮ่าๆ..ผมก็คิดว่าอย่างน้อยเนี่ยเรายังมีอะไรดี เขาถึงได้ให้ฉายานี้ ในมุมมองของผมคำว่า "พริกขี้หนู" มันหมายถึงว่า พริกเม็ดเล็กๆแต่ว่ามันเผ็ดแซ่บจี๊ดจ๊าด ฮ่าๆ.. ก็ต้องขอขอบคุณครับกับฉายาและผมสัญญาว่าก็จะทำฉายานี้ให้เผ็ดยิ่งขึ้น ในฐานะโค้ชครับ ฮ่าๆ

สัมภาษณ์พิเศษ "ดนัย อุดมโชค"......อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของไทย





ในอนาคตอยากเป็นโค้ชทีมชาติมั้ย"




ผมพร้อมเสมอครับกับการรับใช้ทีมชาติในฐานะโค้ช แต่ก็ต้องรอวันและวันเวลาที่เหมาะสมก่อน ผมเชื่อว่านี่เป็นความฝันของโค้ชทุกคนที่อยากจะปลุกปั้นและเห็นนักกีฬาในประเทศของตัวเองประสบความสำเร็จ ทำชื่อเสียงให้กับประเทศชาติต่อไปครับ

สัมภาษณ์พิเศษ "ดนัย อุดมโชค"......อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของไทย




มองว่าวงการเทนนิสบ้านเราซบเซาลงไปมั้ย?หลังจากหมดยุค ภราดร,ดนัย,แทมมารีน




ตอนนี้เราต้องมองหาข้อบกพร่อง ว่าเราจะทำยังไงให้วงการเทนนิสบ้านเรามันกระเตื้องขึ้นมาก่อนและจะทำยังไงให้คนหันมาสนใจเทนนิสเหมือนเมื่อก่อน เพราะหลังจากหมดยุคที่ว่าเราขาดคนที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ ตอนนี้เราไม่มีฮีโร่ ไม่มีไอดอล ก็เลยทำให้คนเล่นเทนนิสน้อยลงเพราะฉะนั้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องทำงานร่วมกัน ผมคิดว่าปัจจุบันเราก็มีวัตถุดิบที่มากพอสมควรในวงการเทนนิสนะทั้ง โค้ช , บุคลากร ,นักกีฬา ,สนามแข่งขัน ,ทัวร์นาเมนต์แต่ตอนนี้เหมือนเราต่างคนต่างทำ วงการเทนนิสบ้านเรามันก็เลยดูซบเซาลงไป


สัมภาษณ์พิเศษ "ดนัย อุดมโชค"......อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของไทย







ฝากถึงแฟนๆที่ยังคิดถึง "ดนัย" หน่อยครับ





สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณแฟนๆที่ยังคิดถึงกันอยากฝากให้คนที่เคยติดตามผลงานของผมต่อไปในฐานะโค้ช ที่จะคอยปลุกปั้นเยาวชนรุ่นใหม่ขึ้นมาประดับวงการเทนนิสไทยผมก็หวังว่าซักวันนึงจะมีนักเทนนิสอาชีพที่กลับมาสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติได้อีกครั้งครับและสุดท้ายขอฝาก DNA Tennis อะคาเดมีของผมซึ่งตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท26 ไว้ในอ้อมใจทุกคนด้วยนะครับฮ่าๆ..



สัมภาษณ์พิเศษ "ดนัย อุดมโชค"......อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของไทย