โค้ชเฮง กล่าวว่า ปีนี้ เลสเตอร์ ซิตี้ ได้แชมป์แน่นอน แต่ปีหน้าก็ต้องดูกันต่อไป เพราะการรักษาแชมป์ไว้ยากกว่าการได้แชมป์ การบริหารจนประสบผลสำเร็จก็ถือว่าสโมสรสามารถสร้างแรงจูงใจให้นักเตะได้ อันที่สองผู้จัดการทีมไม่กดดันตัวเอง คือดีทั้งผู้จัดการและเจ้าของทีม ส่วนกรณีที่เจ้าคุณธงชัย(พระพรหมมังคลาจารย์ วัดไตรมิตรวิทยาราม) ไปให้พร เป็นส่วนแค่ให้กำลังใจเท่านั้น แต่อยู่ที่การเตรียมตัว และการฝึกซ้อมมากกว่า มีเยอะไปที่นักมวยติดไม้กางเขนแต่บาทหลวงก็บอกว่าถ้าชกไม่เป็นไม่ช่วยอะไรหรอก มันจึงมีส่วนช่วยแค่ 10% แต่อยู่ที่ทีมและการเล่นมากกว่า และ 90% อยู่ที่การเตรียมตัว ส่วนที่เหลือก็การฝึกซ้อม
โค้ชเฮง มองว่า หากดูฟุตบอลสมัยนี้ใครครอบครองบอลได้เยอะก็มีสิทธิชนะ ซึ่งกรณีเลสเตอร์เห็นว่าทีมไหนก็มีสิทธิชนะถ้าวิ่งใส่เหมือนเลสเตอร์การมีนักเตะราคาไม่แพงแต่มาได้ขนาดนี้ ถ้าเล่นแบบเลสเตอร์อยากได้แบบนี้มากกว่า และการพูดคุยกับผู้เล่นเป็นการสร้างความอบอุ่น ไม่ค่อยมีเจ้าของทีมทำบ่อย แต่คุณวิชัย (วิชัย ศรีวัฒนประภา) คลุกคลีกับนักเตะเข้าหานักเตะพาไปรับประทานอาหาร ถือว่าเป็นระบบคนไทยที่สร้างความเป็นครอบครัวกับทีมฟุตบอล เป็นเรื่องการสื่อสารที่คุณวิชัยทำกับผู้เล่นได้ดีมากในหลักของฟุตบอล โค้ชเฮง กล่าว
ส่วนทีมมีชื่อเสียงหรือทีมสโมสรใหญ่ที่พลาดเป็นเรื่องดวงหรือไม่ วิทยา มองว่า เป็นเรื่องความคงเส้นคงวามากกว่า และเรื่องความใส่ใจ ผู้เล่นเลสเตอร์ทุกคนมุ่งแต่เล่นฟุตบอล ยกตัวอย่างทีมบาร์เซโลนาก็เป๋ไปสองสามแมทช์ เพราะมีข่าวว่าผู้เล่นสองสามคนมีปัญหา หรืออย่างทีมอื่นก็พบว่าเล่นไม่คงเส้นคงวา ดังนั้นความท้าทายตรงนี้ อยากเห็นเลสเตอร์ปีหน้าว่าจะคงเส้นคงวาได้ไหม
โค้ชเฮงยังกล่าวถึงมุมมองในแง่ธุรกิจ ที่เศรษฐีไทยทุ่มเงินไปซื้อเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลต่างประเทศว่า คนไทยก็เคยไปซื้อทีมแมนฯ ซิตี้ มาแล้ว มันมีมูลค่าเยอะมาก ถ้าคุณวิชัยขายตรงนี้รวยเละเลย และอีกอย่างเป็นเรื่องความท้าทายและชื่อเสียงด้วย เพราะเป็นลีกที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งความสำเร็จนี้คงมีเศรษฐีคนไทยตามหลายคน แต่คนที่จะไปซื้อต้องมีใจรักฟุตบอลอย่างแท้จริงด้วยถึงจะสำเร็จได้
วิทยากล่าวถึงนักฟุตบอลไทยที่ไปเล่นสโมสรต่างประเทศแต่ไปไม่ถึงฝันว่า เห็นนักเตะไทยหลายคนไประดับโลก แต่ไปไม่ถึงฝัน ทั้งที่มีใจรักฟุตบอล ซึ่งจำเป็นต้องมีใจหลงใหลฟุตบอลจริงๆ เพราะไปถึงก็มีแรงกดดันเยอะมาก ทั้งอาหาร อากาศ วัฒนธรรม และการฝึกซ้อม ถ้าปรับตัวไม่ได้ก็อยู่ไม่ได้ เห็นนักเตะไปหลายคนไปอยู่ไม่นานก็กลับ เพราะอากาศมันหนาวมาก ถ้าเรารักอาชีพนี้ต้องอดทน สภาพจิตใจของนักเตะไทยอาจยังใช้ไม่ได้ รวมถึงวินัยด้วย เช่น สภาพอากาศหนาวก็ไม่ลงไปซ้อมหรือซ้อมก็ไม่จริงจังสำหรับความสำเร็จของเลสเตอร์ ซิตี้ จะนำมาใช้บ้านเราอย่างไรได้นั้น นักฟุตบอลไทยต้องพัฒนาเป็นระบบ และควบคุมในเรื่องสมาธิ อารมณ์และแท็กติกต่างๆ ความแข็งแกร่ง และเรื่องอีโมชั่นคอนโทรล ซึ่งคนไทยอีคิวค่อนข้างแย่มาก
ฟุตบอลลูกกลมๆ ถ้าควบคุมได้ก็เป็นเรื่องง่าย เด็กๆ เราสอนให้รักการเล่น เล่นด้วยสมอง และมีเป้าหมายแรงจูงใจ เวลาดูพรีเมียร์ลีกดูว่าเขาเล่นอย่างไร อย่าไปดูรอยสักหรือดูอะไรอื่น ให้ดูเกมรับส่งในการแข่ง เพื่อพัฒนาทักษะ โค้ชเฮง กล่าวตอนท้าย
ด้าน กฤษฎา กล่าวว่า การพัฒนาของทีมในฤดูที่แล้วกับฤดูปีนี้เป็นไปแบบก้าวกระโดด ยังไม่รู้ปีหน้าจะเป็นอย่างไร แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ทีมอื่น นอกจากนี้ลักษณะการทำงานแบบคุณวิชัยถือว่าหลังบ้านดี ไม่ใช่มีแต่เรื่องการซื้อตัว การเข้าถึงหลังบ้านเป็นเรื่องดี คุณวิชัยทำให้เห็นสไตล์แบบนี้ และมีประธานสโมสรทำแบบนี้อยู่ ส่วนที่ว่าทีมอื่นดวงตกแต่เลสเตอร์มาได้เพราะดวงดีนั้น คงพูดว่าอยู่ที่ความสม่ำเสมอมากกว่า ทั้งเรื่องการเตรียมตัวและฝึกซ้อม
ในแง่การตลาด ถ้าซื้อสโมสรฟุตบอล คนจะรู้จักทันที มีผลต่อการตลาดและธุรกิจที่ลงทุน เศรษฐีบางคนซื้อทีมระดับท็อปของยุโรปจนมีค่าขึ้นไปมาก เป็นการเสี่ยงที่ลงทุนและใจรัก ถ้าซื้อแล้วไม่รักจริงจังก็ไม่ได้ แต่สำหรับคนรักฟุตบอลได้ ความสำเร็จครั้งนี้คงมีเศรษฐีไทยเดินตามอีก กฤษฎา กล่าว
บรรณาธิการผู้นี้ กล่าวอีกว่า ในส่วนนักเตะไทยควรดึงความสำเร็จที่เห็นจากเลสเตอร์มาใช้ และต้องมีจิตใจสู้ เตรียมเรื่องทัศนคติตั้งแต่เด็ก และการส่งเด็กไทยไปสโมสรต่างประเทศต้องปลูกฝังแต่เด็ก ต้องมีมากกว่าใจรักต้องมีใจสู้ด้วย