
ทางฝั่ง แอตเลติโก้ มาดริด ของเทรนเน่อร์ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ถือว่าอยู่ในช่วงมั่นใจเมื่อนับตั้งแต่เข้าเดือนเมษายน ชนะในลีกมา 5 นัดรวด ทำให้กลับมามีลุ้นแชมป์ลีกของตัวเองอีกครั้ง ขณะที่ในถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็เพิ่งเขี่ย บาร์เซโลน่า แชมป์เก่า ตกรอบด้วยผลประตูรวม 3-2 ซึ่งหากนับผลงาน 10 นัด ตั้งแต่รอบแรก แอตเลติโก้ มาดริด ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 2
ส่วนสภาพทีม จะไม่มี 3 ผู้เล่นตัวหลัก ได้แก่ ติอาโก้ เมนเดส กับ โอลิเว่อร์ สองมิดฟิลด์ตัวกลางและ ดิเอโก้ โกดิน เซ็นเต้อร็แบ็ก ที่ยังเจ็บ แต่ข่าวดีคือจะได้ตัว เฟอร์นันโด ตอร์เรส กองหน้า กลับมาจากโทษห้ามแข่ง และจะกลับมายืนเป็นคู่หัวหอกร่วมกับ อองตวน กรีซมันน์
ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริง ในระบบการเล่น 4-4-2 ประกอบด้วยผู้รักษาประตู : ยาน โอบลัค แบ็กโฟร์จากซ้าย ประกอบด้วย ฟิลิเป้ หลุยส์, ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ, โฮเซ่ คิมิเนซ, ฆวนฟราน กองกลางจากซ้ายไปขวา ซาอูล ญีเกซ, ออกุสโต้ เฟร์นานเดซ, กาบี, โกเก้ ส่วนกองหน้า มี เฟร์นันโด ตอร์เรส, อองตวน กรีซมันน์
ด้านฝั่ง บาเยิร์น มิวนิค ของเทรนเน่อร์ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ถือว่าอยู่ในช่วงมั่นใจเช่นกัน เพราะตั้งแต่วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม บาเยิร์น ชนะในลีกของตัวเองมา 5 นัดรวด ต้องการอีกนัดเดียว ก็จะได้แชมป์บุนเดสลีก้า ทันที อีกทั้่งยังเพิ่งชนะ นางนวล แวร์เดอร์ เบรเมน เข้ารอบชิงชนะเลิศ เดเอฟเบ โพคาล ดังนั้นในฤดูกาลแข่งขัน 2015-2016 จึงยังมีลุ้นทำ ทริปเปิ้ลแชมป์ อีกด้วย สำหรับผลงานในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นับตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม 10 นัด ชนะ 7 เสมอ 2 แพ้ 1
ส่วนสภาพทีมยังไม่มี 2 ผู้เล่นตัวหลักที่ยังเจ็บ ได้แก่ อาร์เยน ร็อบเบน ปีกชาวดัตช์ และ โฮลเกอร์ บัดสตูเบ้อร์ กองหลังสารพัดประโยชน์ที่เล่นได้ทั้งเซ็นเต้อร์แบ็กและแบ็กซ้าย ขณะที่ต้องรอประเมินสภาพร่างกายอีก 3 คน ได้แก่ คิงส์เลย์ โกมัน ปีกดาวรุ่งวัย 19 ปี, เซบาสเตียน โรเด้ มิดฟิลด์ตัวกลาง และ เฌอโรม บัวเต็ง กองหลังสารพัดประโยชน์ที่เล่นได้ทุกตำแหน่งในแผงแบ็กโฟร์
ดังนั้นผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริง ในระบบการเล่น 4-1-4-1 ประกอบด้วยผู้รักษาประตู -มานูเอล นอยเอ้อร์ แบ็กโฟร์ ก็มี ดาวิด อลาบ้า, โจชัว คิมมิส, ฆาบี มาร์ติเนซ, ฟิลิปป์ ลาห์ม กองกลางตัวรับ ใช้งาน ซาบี อลอนโซ่ กองกลางตัวรุกจากซ้ายไปขวา ฟร้องก์ ริเบรี่, อาร์ตูโร่ วิดัล, โธมัส มุลเล่อร์, ดั๊กลาส คอสต้า และหน้าเป้า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้.