svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Story

ทำไมคนทำงานปี 2025 เลือกวันลาสุขภาพจิต มากกว่างานเลี้ยงบริษัท

เงินเดือนไม่ใช่คำตอบสุดท้าย? ทำไมคนทำงานยุคใหม่เลือก ‘วันลาสุขภาพจิต’ มากกว่างานเลี้ยงสิ้นปี

ถ้าคุณยังคิดว่าเงินเดือนสูงคือทุกอย่าง? ข้อมูลใหม่บอกว่า คนทำงานยุคนี้ต้องการมากกว่านั้น แล้วอะไรคือสิ่งที่พวกเขากำลังมองหา?

 

[เปลี่ยนเกมการจ้างงาน: เมื่อ "เงินเดือน" ไม่ใช่คำตอบเดียว]

คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไมคนเก่งๆ ถึงลาออกไปแม้จะได้เงินเดือนดี? คำตอบอาจไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขในสลิปเงินเดือน แต่อยู่ที่ "คุณภาพชีวิต" ที่พวกเขาได้รับจากองค์กร

.

ดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK ประเทศไทย เผยว่า ตลาดงานในไทยปี 2568 กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน หลายองค์กรเริ่มตระหนักว่าการดูแลคุณภาพชีวิตของบุคลากรผ่านสวัสดิการที่ตอบโจทย์ คือกุญแจสำคัญในการสร้างความยั่งยืนในการทำงาน

.

รายงาน Hiring, Compensation & Benefits (HCB) Report 2025 สนับสนุนข้อมูลนี้ โดยพบว่าองค์กรในไทยกำลังปรับตัว มีถึง 11% ที่วางแผนเพิ่มวันลาสุขภาพจิต (Mental Health Day Off) เพื่อลดภาวะ Burnout และอีก 15% เตรียมเพิ่มวันลาพิเศษเพื่อดูแลครอบครัว ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่แค่สถิติ แต่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการธุรกิจ

 

แล้วอะไรคือเหตุผลเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงนี้?

[ค่าครองชีพพุ่ง Gen Y-Z ไทยกว่า 6 ใน 10 "เดือนชนเดือน"]

ข้อมูลจาก Deloitte Global 2025 Gen Z และ Millennial Survey เปิดเผยความจริงที่น่าตกใจ คนทำงานรุ่นใหม่ในไทยถึง 63-64% ใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือน ไม่มีเงินเก็บ โดยความกังวลอันดับหนึ่งคือ "ค่าครองชีพ" ที่ Gen Z กังวล 38% และ Gen Y กังวล 36%

 

ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า แม้จะได้เงินเดือนดี แต่ถ้าไม่มีสวัสดิการที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย หรือสร้างความมั่นคงทางการเงิน พนักงานก็ยังคงรู้สึกไม่ปลอดภัย นี่คือเหตุผลที่ความโปร่งใสด้านผลตอบแทนกลายเป็นเรื่องสำคัญ

.

รายงานพบว่า 79% ขององค์กรในไทยเปิดเผยวิธีการคำนวณและจ่ายโบนัสอย่างชัดเจน ขณะที่ 85% มีนโยบายปรับขึ้นเงินเดือน โดยอัตราส่วนใหญ่อยู่ที่ 1-5% และค่าเฉลี่ยโบนัสโดยรวมอยู่ที่ 1.8 เดือน ความชัดเจนเหล่านี้สร้างความไว้วางใจและทำให้พนักงานรู้สึกว่าได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม

.

แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือ พนักงานต้องการอะไรจริงๆ นอกเหนือจากเงิน?

 

[Work-Life Balance: สิ่งที่พนักงานร้องขอดังที่สุด]

ผลสำรวจในสหราชอาณาจักรโดย Prezzee เปิดเผยว่า สิ่งที่พนักงานต้องการมากที่สุดในปี 2025 คือ "สมดุลชีวิตการทำงานที่ดีขึ้น" (26%) รองลงมาคือ "ความยืดหยุ่นที่มากขึ้น" (17%) และ "การได้รับการยอมรับ" (12%)

 

ที่น่าตกใจคือ พนักงานถึง 40% ระบุว่าจะมองหางานใหม่ทันที หากถูกร้องขอให้เข้าทำงานในออฟฟิศบ่อยขึ้น ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นว่าความยืดหยุ่นในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น Flexible hours, Remote Work, Work from Anywhere หรือ Hybrid Work ไม่ใช่แค่ "สวัสดิการเสริม" แต่กลายเป็น "ปัจจัยหลัก" ในการตัดสินใจเลือกองค์กร

วันลาพิเศษอย่างวันลาวันเกิด วันลาสุขภาพจิต หรือวันลาดูแลครอบครัว กลายเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าองค์กรปฏิบัติต่อพนักงานในฐานะ "มนุษย์" ไม่ใช่แค่ทรัพยากรที่ใช้งาน

แล้วทำไมงานเลี้ยงสิ้นปีถึงไม่ฮิตอีกต่อไป?

 

["ไม่อยากไปงานเลี้ยง ขอเป็นเงินโบนัสได้ไหม?"]

หนึ่งในข้อค้นพบที่น่าสนใจที่สุดคือ ทัศนคติที่เปลี่ยนไปของพนักงานต่องานเลี้ยงสังสรรค์ขององค์กร โดยเฉพาะงานเลี้ยงสิ้นปี

ผลสำรวจจาก Capital on Tap พบว่า พนักงานเกือบ 9 ใน 10 ต้องการสวัสดิการรูปแบบอื่นมากกว่าการเข้าร่วมงานเลี้ยง สิ่งที่พวกเขาต้องการคือ โบนัสเงินสด (มากกว่า 50%), วันหยุดเพิ่ม หรือบัตรของขวัญ

Gen Y เกือบครึ่งหนึ่งระบุว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมมากขึ้นหากจัดในเวลางาน ไม่ใช่หลังเลิกงาน ขณะที่ Gen Z กว่า 1 ใน 3 กังวลว่าจะถูกมองในแง่ลบหากไม่เข้าร่วม นอกจากนี้ พนักงานที่เป็น Introvert หรือมีความหลากหลายทางระบบประสาท (Neurodivergent) มักรู้สึกว่างานเลี้ยงที่เน้นความอึกทึกและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ตอบโจทย์

อย่างไรก็ตาม รายงานจาก ezCater ชี้ว่า พนักงาน 4 ใน 5 ยังคงวางแผนเข้าร่วมงานเลี้ยง ซึ่งหมายความว่ากิจกรรมสังสรรค์ยังมีบทบาท โดยเฉพาะในยุคการทำงานแบบไฮบริด แต่หัวใจสำคัญคือการปรับรูปแบบให้ "มีความหมาย" และครอบคลุมความต้องการที่หลากหลาย มากกว่าเน้นความฟุ่มเฟือย

 

สิ่งนี้นำไปสู่คำถามสำคัญ... องค์กรควรปรับสวัสดิการอย่างไรให้ตอบโจทย์?

 

[10 สวัสดิการที่พนักงานยุคใหม่ต้องการจริงๆ]

จากการรวบรวมข้อมูล สวัสดิการที่ตอบโจทย์คนทำงานยุคนี้ครอบคลุม 10 ด้านหลัก ได้แก่ เงินโบนัสและค่าตอบแทนจูงใจ, สวัสดิการด้านสุขภาพครบวงจร (รวมถึงการปรึกษาจิตแพทย์), วันลาหยุดที่หลากหลาย, การทำงานที่ยืดหยุ่น, การสนับสนุนด้านการเงิน (เช่น เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ), สวัสดิการรองรับไลฟ์สไตล์ (ส่วนลดฟิตเนส คอร์สสปา), กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, สวัสดิการครอบครัว, การสนับสนุนพัฒนาทักษะ และการยอมรับพร้อมวัฒนธรรมองค์กรที่ดี

ที่น่าสนใจคือ กระแสของขวัญดิจิทัลกำลังมาแรง รายงานจากแคสเปอร์สกี้พบว่า คนรุ่นใหม่ 63% วางแผนซื้อของขวัญดิจิทัลในช่วงเทศกาล โดยนิยมให้การสมัครสมาชิกบริการสตรีมมิ่ง (59%), เครดิตเกม (40%) และคอร์สเรียนออนไลน์ (34%) ที่น่าประหลาดใจคือเกือบ 1 ใน 3 มองว่าซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยเป็นของขวัญที่แสดงความใส่ใจ

สวัสดิการเหล่านี้ไม่ใช่แค่รายการในคู่มือพนักงาน แต่เป็นเครื่องมือสร้างความผูกพันและความภักดีต่อองค์กรในระยะยาว

 

[คำถามสำหรับองค์กรและพนักงาน: เราพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงนี้หรือยัง?]

ข้อมูลทั้งหมดชี้ไปในทิศทางเดียวกัน: ยุคของการจ้างงานที่มองเพียง "เงินเดือน" ได้ผ่านพ้นไปแล้ว คนทำงานยุคใหม่ต้องการ "คุณภาพชีวิต" ที่สมดุล "ความยืดหยุ่น" ในการทำงาน และ "ความมั่นคง" ทางการเงิน

สำหรับองค์กร คำถามคือ คุณพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมและสวัสดิการให้สอดคล้องกับความต้องการเหล่านี้หรือไม่? การลงทุนในสวัสดิการที่ดี ไม่ใช่ต้นทุน แต่เป็นการสร้างความยั่งยืนขององค์กร

สำหรับพนักงาน คำถามคือ คุณกล้าที่จะเรียกร้องสิ่งที่คุณสมควรได้รับหรือไม่? คุณควรค่าแก่การทำงานในองค์กรที่เห็นคุณค่าและดูแลคุณอย่างแท้จริง

ในยุคที่ทุกคนมีตัวเลือกมากขึ้น การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องของผลประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวที่ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน