กลุ่ม ปตท. ได้กำหนดเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2040 หรือ พ.ศ. 2583 และการเป็นองค์กรการปล่อย ก๊าซเรือนกระจก สุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ภายในปี ค.ศ. 2050 หรือ พ.ศ. 2593 ซึ่งเป็นการเร่งเครื่องกลไกทางธุรกิจที่ปตท. มีอยู่เพื่อให้เป้าหมายการสร้างความ ยั่งยืนให้ธุรกิจและสังคมโดยรวมประสบความสำเร็จเร็วขึ้น
จากแนวทางการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ที่ร่วมกัน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สู่ชั้นบรรยากาศโลก ในการประชุม COP26 ซึ่งนานาประเทศทั่วโลกและประเทศไทยได้ให้คำมั่นสัญญาในการร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งประเทศไทยได้กำหนดเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2065 รวมถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานที่มุ่งไปสู่พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น (Energy Transition) ภาคพลังงานปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ 246.9 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ (ข้อมูลจากรายงานการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากการใช้พลังงาน ปี 2564) (สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน)
การกำหนดเป้าหมายไม่ใช่เรื่องยาก แต่การทำให้เป้าหมายประสบความสำเร็จเป็นเรื่องที่ยากกว่าและอาจจะยิ่งยากขึ้นไปอีกหากเร่งให้เป้าหมายประสบความสำเร็จเร็วขึ้น
ปตท. ตระหนักถึงความสำคัญในการเร่งแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญของโลกในปัจจุบัน จึงได้ร่วมกันจัดตั้งคณะทำงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ กลุ่ม ปตท. PTT Group Net Zero Task Force หรือ G-NET ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจาก ปตท. และ 6 บริษัท Flagship ของ กลุ่ม ปตท. ได้แก่
การทำงานของคณะทำงาน G-NET นำมาสู่การประกาศเป้าหมายของ ปตท. โดยจะบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี 2040 และ Net Zero Emission ภายในปี 2050 รวมทั้งบริษัทในกลุ่มได้กำหนดเป้าหมายของบริษัทตามทิศทางการดำเนินงานของแต่ละบริษัทครบทั้ง 6 บริษัทเช่นเดียวกันซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของประเทศไทย
ในส่วนของ ปตท. เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ปตท. กำหนดแนวทางการดำเนินงาน 3 ด้านหลัก หรือ 3P ประกอบด้วย