นายชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ ETDA กล่าวว่า การส่งเสริมให้การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และอีคอมเมิร์ซของประเทศ มีความมั่นคงปลอดภัย น่าเชื่อถือนั้น นอกจากการสนับสนุนให้เกิดระบบนิเวศน์ (Ecosystem) ที่เอื้อต่อการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และอีคอมเมิร์ซ ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมทั้งในด้านบุคลากรที่สนับสนุนการให้บริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางออนไลน์ การมีกฎหมาย มาตรฐานที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงแล้ว การส่งเสริมให้คนไทยคิดเป็น ใช้เป็นหรือที่เรียกว่า ทำให้คนไทยรู้เท่าทันการใช้เทคโนโลยี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมั่นคงปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่อาจถูกคุกคามทางออนไลน์ได้ง่าย อย่าง เด็ก เยาวชน เนื่องจากยังขาดประสบการณ์และมักเปิดรับสื่อสารสนเทศที่ไม่ปลอดภัย รวมทั้งกลุ่มผู้สูงอายุที่เริ่มใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือเริ่มสนใจที่จะทำธุรกรรมทางการเงินผ่านทางออนไลน์มากขึ้น แต่ยังไม่มีความชำนาญในการใช้งาน รวมไปถึงเป็นกลุ่มที่มีการแบ่งปันข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้อง หรือ Fake news ก็เป็นอีกภารกิจสำคัญที่ ETDA ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการรับรู้และความตระหนักแก่กลุ่มดังกล่าว ให้รู้เท่าทันต่อภัยคุกคามทางออนไลน์และใช้อินเทอร์เน็ตอย่างสร้างสรรค์ ผ่านโครงการ Internet for Better Life หรือที่เราเรียกย่อๆ กันว่า IFBL (ไอ เอฟ บี แอล) ที่เน้นกิจกรรมหลักๆ เช่น การลงพื้นที่จัดอบรมแก่กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เด็ก เยาวชน และผู้สูงอายุ ณ โรงเรียน ชุมชน ชมรม และหน่วยงานต่างๆ ทั่วประเทศ ในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ ยังจัดทำสื่อถ่ายทอดความรู้ สร้างการรับรู้และกระตุ้นให้เกิดความตระหนัก โดยเผยแพร่ทางออนไลน์ ทั้งรูปแบบวิดิทัศน์ การ์ตูน และภาพยนตร์สั้น ภายใต้ชื่อชุด "วัยใส วัยเก๋า ฉลาดรู้เน็ต" ที่เผยแพร่ทาง YouTube ช่อง ETDA Chanel และสื่อออนไลน์ เช่น ภาพ อินโฟกราฟิก ที่เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กเพจ ETDA Thailand ซึ่งที่ผ่านมา มีกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมกิจกรรมการอบรมแบบออฟไลน์ แล้วกว่า 5,000 คน และเข้ารับชมสื่อการเรียนรู้ผ่านช่องออนไลน์รวมมากกว่า 10 ล้านการเข้าชม
ทั้งนี้ เพื่อต่อยอดให้การพัฒนาเนื้อหาหลักสูตรของโครงการ IFBL มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับ ทั้งในระดับภาคการศึกษาของประเทศ สามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืนต่อไป ETDA จึงนำแนวคิดตามมาตรฐาน "ความฉลาดทางดิจิทัล (DQ Digital Intelligence)" จาก DQ Institute ซึ่งเป็นสถาบันที่มีการพัฒนามาตรฐานระดับสากลเกี่ยวกับการให้ความรู้ด้านความฉลาดทางดิจิทัล มาวิเคราะห์ ปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย สู่การพัฒนาเป็น "คู่มือการสร้างความตระหนักรู้ในการใช้อินเทอร์เน็ต(Digital Citizen)" เพื่อเป็นหลักสูตรในการถ่ายทอดความรู้ การจัดอบรมหรือการเรียนการสอน ที่สามารถดำเนินการได้ทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ รวมถึงแนวทางในการผลิตสื่อประกอบเนื้อที่เหมาะสมตรงกับกลุ่มเป้าหมายของโครงการ ซึ่งโดยปกติแล้วกลุ่มเป้าหมายของหลักสูตร DQ จะมุ่งพัฒนาที่กลุ่มเด็กและเยาวชน แต่เพื่อให้ครอบคลุม ETDA จึงขยายไปสู่กลุ่มผู้สูงอายุด้วย ผ่านการพัฒนาเนื้อหาในรูปแบบที่สร้างสรรค์ เข้าใจง่าย มีการใช้ภาษาที่สามารถสร้างการจดจำ เพื่อให้เกิดความตระหนักในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ตที่ครอบคลุมในมิติต่างๆ นอกจากนี้ ETDA ยังมุ่งหวังให้คู่มือฯ นี้ เป็นเสมือนคู่มือประกอบการเรียนการสอน ที่เป็นแนวทางหรือต้นแบบของหลักสูตรการถ่ายทอดความรู้ให้แก่หน่วยงาน สถานศึกษาและประชาชนที่สนใจ สามารถนำไปถ่ายทอดหรือประยุกต์ใช้ในวงกว้าง เกิดเป็นเครือข่ายความร่วมมือสู่การสร้างพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพ ซึ่งประสิทธิผลของการดำเนินกิจกรรมครั้งนี้ จะช่วยยกระดับความสามารถของคนไทยในการรู้เท่าทันด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และลดปัญหาจากการถูกคุกคามทางออนไลน์ได้ในระยะยาว
นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า สำหรับเนื้อหาคู่มือฯ นี้ ได้อิงตามกรอบDQ FrameworkของDQ Instituteที่มีทั้งหมด8ด้าน โดยนำมาปรับให้สอดคล้องกับพฤติกรรม วัฒนธรรม และสถานการณ์การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของคนไทย จนได้ออกมาเป็นกรอบทักษะ5ด้าน ได้แก่ ด้านอัตลักษณ์ดิจิทัล (Digital Identity)ที่ทำให้เห็นถึงความสำคัญและการจัดการด้านข้อมูลส่วนบุคคลในโลกออนไลน์ รวมทั้งด้านสิทธิของเจ้าของผลงาน,ด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเหมาะสม (Digital Use)ทั้งในเรื่องของเวลา ผลกระทบต่อสุขภาพ อารมณ์และจิตใจที่อาจจะเกิดขึ้น,ด้านการจัดการความปลอดภัยในโลกดิจิทัล (Digital Security)เพื่อรู้จักภัยคุกคามออนไลน์ พฤติกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการถูกคุกคาม และเครื่องมือในการป้องกันหรือวิธีการรับมือ,ด้านการรู้เท่าทันดิจิทัล (Digital Literacy)เช่น การค้นหา การวิเคราะห์ประเมินเนื้อหาในโลกออนไลน์ รวมถึงการผลิตเนื้อหาอย่างสร้างสรรค์และสุดท้ายคือ ด้านการสื่อสารดิจิทัล (Digital Communication)เพื่อสร้างความร่วมมือในโลกดิจิทัลอย่างสร้างสรรค์ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้งานในรูปแบบต่างๆ โดยคาดว่า คู่มือฯ จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในเดือนกรกฎาคมนี้ จากนั้นจะเดินหน้านำร่อง ใช้ถ่ายทอดความรู้แก่กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงใน 4 ภูมิภาค ทั่วประเทศ ผ่านการอบรมทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมกับเผยแพร่สื่อสร้างความรู้ ความตระหนัก ผ่านช่องทางออนไลน์ของETDAอย่างFacebook : ETDA ThailandและYouTube : ETDA Channelและขยายไปยังช่องทางอื่น ๆ ที่หลากหลาย ทั้งผ่านInfluencerและเครือข่ายความร่วมมือ หรือสื่อสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยม เพื่อสร้างการรับรู้แก่กลุ่มเป้าหมายและกลุ่มอื่นๆ มากยิ่งขึ้น
โดยภายในปี2564ETDAตั้งเป้าว่า หลักสูตรและสื่อที่พัฒนาขึ้น จะถูกกระจายไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่สนใจ โดยเฉพาะในกลุ่มโรงเรียนพื้นที่ต่างๆ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน ทั้งในระดับประถมศึกษาตอนปลายและมัธยมศึกษาตอนต้นและสามารถสร้างการเข้าถึงสื่อออนไลน์ของโครงการ มีผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 10 ล้านการเข้าชม พร้อมๆ กับการผสานความร่วมมือกับหน่วยงานเครือข่ายทั้งรัฐและเอกชน เช่น สถาบันการศึกษา,กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์,ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท และมูลนิธิหรือโครงการต่าง ๆ เพื่อให้เกิดกรอบการดำเนินงานเชิงรุก ที่มีการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ ความตระหนัก และการรับมือ แก่กลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการดำเนินงานที่ต่อยอดและยั่งยืนต่อไปในอนาคต