
ในขณะที่โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ฮิวมานอยด์ (Humanoid Robots) ที่ควบคุมโดย AI จากจีน กำลังสร้างความวิตกอย่างหนักให้กับชาติตะวันตก ไม่ใช่แค่เรื่องการแข่งขันทางการค้า แต่เป็นความกลัวที่ว่า หุ่นยนต์ผู้ช่วยในบ้านเหล่านี้อาจกลายร่างเป็น "ม้าโทรจัน" (Trojan Horse) ที่แฝงตัวเข้ามาเพื่อควบคุมหุ่นยนต์ตัวอื่นให้ทำเรื่อง "อันตราย" ต่อมนุษย์ได้
.
ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีฝั่งตะวันตกต่างส่งเสียงเตือนว่า หุ่นยนต์ฮิวมานอยด์นับล้านตัวที่ผลิตในจีนและส่งขายไปทั่วโลก อาจถูกควบคุมให้หันมา "ต่อต้าน" เจ้านายของพวกมันเอง ด้วยคำสั่งเพียงคำเดียว และที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ภายในเวลาไม่กี่นาที อุปกรณ์ที่ถูกเจาะระบบสามารถแพร่เชื้อไปยังหุ่นยนต์ตัวอื่นๆ ที่แม้อาจจะ ออฟไลน์ อยู่ ให้ตื่นขึ้นมาดำเนินการตามคำสั่งอันตรายได้เช่นกัน
🔵[ย้อนรอยตำนานสู่ภัยไซเบอร์]
ยุทธวิธีนี้ถอดแบบมาจากตำนานกรีกเรื่อง "ม้าไม้เมืองทรอย" อย่างไม่ผิดเพี้ยน ในครั้งนั้นกองทัพกรีกสร้างม้าไม้ขนาดยักษ์ซ่อนทหารไว้ภายในและทำทีเป็นของกำนัล เมื่อชาวเมืองทรอยนำม้าผ่านประตูเมืองเข้ามาในยามวิกาล ทหารกรีกก็ออกมาเปิดประตูให้กองทัพบุกทำลายเมืองได้สำเร็จ
ในโลกยุคปัจจุบัน "ม้าโทรจัน" กลายเป็นชื่อของ มัลแวร์ (Malware) ที่ปลอมตัวเป็นไฟล์ที่น่าเชื่อถือ หลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดเพื่อเปิดช่องทางให้อาชญากรเข้าไปขโมยรหัสผ่าน เลขบัตรเครดิต หรือควบคุมเครื่องระยะไกล ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักที่สแกมเมอร์ใช้หลอกลวงเหยื่อในทุกวันนี้ และตอนนี้ แนวคิดเดียวกันกำลังถูกนำมาใช้กับ "หุ่นยนต์"
🔵[จุดอ่อนของ “ผู้ช่วย” ราคาถูก]
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า จีนมีความได้เปรียบมหาศาลในการผลิตหุ่นยนต์ราคาถูกจำนวนหลายล้านชิ้นเพื่อส่งออก แต่ความแพร่หลายนี้มาพร้อมความเสี่ยง นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนถึง ช่องโหว่ ในหุ่นยนต์ช่วยงานบ้านที่ออกแบบมาให้รับคำสั่งเสียงง่ายๆ
.
เพียงแค่หุ่นยนต์ตัวเดียวถูกแฮ็ก มันอาจทำหน้าที่เป็นตัวกระจายสัญญาณ ควบคุมกองทัพหุ่นยนต์ให้หันมาต่อต้านเจ้าของ ก่อวินาศกรรมสายการผลิต ขโมยข้อมูลสำคัญ หรือแม้แต่สร้างปฏิกิริยาลูกโซ่โจมตีเครื่องจักรใกล้เคียง เปลี่ยนจากผู้ช่วยแบ่งเบาภาระให้กลายเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสมาชิกในครอบครัว
บทพิสูจน์จาก “DARKNAVY” และกองทัพหุ่นยนต์
ความกังวลนี้ไม่ใช่เรื่องที่คิดกันไปเอง ในการประชุมด้านเทคโนโลยีที่เซี่ยงไฮ้เมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มวิจัยความปลอดภัยไซเบอร์ "DARKNAVY" ได้สาธิตการเจาะระบบหุ่นยนต์ฮิวมานอยด์ราคา 14,200 ดอลลาร์ ให้กลายเป็น "สายลับเคลื่อนที่"
แฮกเกอร์สามารถสั่งให้หุ่นยนต์โจมตีหุ่นจำลอง และแสดงให้เห็นว่าอุปกรณ์ที่ติดไวรัสสามารถใช้การสื่อสารไร้สายระยะใกล้ แพร่เชื้อไปยังหุ่นยนต์ตัวอื่นที่ออฟไลน์อยู่ได้ภายในไม่กี่นาที ทำให้เกิดความวิตกว่าผู้ผลิตอย่างจีนอาจใช้ช่องโหว่นี้ควบคุมหุ่นยนต์ในครัวเรือนชาติตะวันตกนับร้อยตัวเพื่อโจมตีพร้อมกัน
.
นอกจากนี้ คลิปวิดีโอไวรัลจากบริษัท "UBTECH Robotics" ในเสิ่นเจิ้น ยังเผยภาพหุ่นยนต์อุตสาหกรรมหลายร้อยตัวยืนเรียงแถวและเดินเข้าตู้คอนเทนเนอร์อย่างพร้อมเพรียง พร้อมข้อความ "เดินหน้าต่อไป" (March Forward) ภาพความสามัคคีของเครื่องจักรเหล่านี้ แม้จะเป็นการโปรโมตสินค้า แต่กลับสร้างความรู้สึก "น่าขนลุก" ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ตึงเครียด
.
🔵[คำทำนายสยองจาก “ยูโรโพล”]
ตำรวจสหภาพยุโรป หรือ "ยูโรโพล" (Europol) ได้เผยแพร่รายงานหนา 48 หน้า ที่ยืนยันว่าสถานการณ์เหล่านี้เป็น "ความเป็นไปได้ในอนาคต" โดยคาดการณ์ถึงฉากทัศน์ที่น่ากลัวภายในทศวรรษหน้า
.
📌อาชญากรรมรูปแบบใหม่: หุ่นยนต์อาจถูกใช้ล่อลวงเด็ก หรือโดรนก่อการร้ายอาจทำให้เมืองเป็นอัมพาตด้วยการตัดน้ำตัดไฟ
📌ความโกลาหลทางสังคม: อาจเกิดกลุ่มคนว่างงานที่โกรธแค้น ก่อจลาจลต่อต้านเครื่องจักรที่แย่งงานพวกเขา
📌สงครามไฮเทค: ตำรวจอาจต้องใช้อาวุธล้ำยุคอย่างปืนแช่แข็งหุ่นยนต์ (Robo freezer guns) หรือระเบิดตาข่ายนาโน (Nano net grenades) เพื่อรับมือ
🔵[เมื่อชีวิตประจำวันถูกคุกคาม]
นักวิจัยชี้ว่า การที่หุ่นยนต์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตชาวยุโรป ทั้งส่งพัสดุ ทำความสะอาด หรือดูแลผู้ป่วย ทำให้เกิดสภาวะเปราะบาง แม้แต่ความผิดพลาดเล็กน้อย เช่น หุ่นยนต์พยาบาลให้ยาผิด ก็อาจลุกลามเป็นเรื่องอื้อฉาวระดับชาติและสร้างแรงกดดันต่อรัฐบาล
.
และหนึ่งในคำเตือนที่น่าหวาดหวั่นที่สุด คือการที่อาชญากรไซเบอร์แฮ็ก "หุ่นยนต์ดูแลผู้ป่วย" ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เปลี่ยนผู้ช่วยเหลือให้กลายเป็น "ผู้ล่า" ที่คอยเก็บเกี่ยวข้อมูลส่วนบุคคล หรือล่อลวงผู้ที่อ่อนแอที่สุดในสังคม
.
เทคโนโลยีถูกสร้างมาเพื่ออำนวยความสะดวก แต่เมื่อ "ประตูหลังบ้าน" ของเราถูกเปิดทิ้งไว้ให้กับผู้ผลิตที่อยู่คนละขั้วอำนาจ... คุณมั่นใจแค่ไหนว่าหุ่นยนต์ที่เดินอยู่ในบ้าน จะไม่กลายเป็นทหารที่รอวันรับคำสั่งเพื่อหันกลับมาทำร้ายคุณ?