svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Lifestyle

เทคโนโลยีทางการแพทย์สำหรับผู้ที่ประสบภาวะมีบุตรยาก

การทําอิ๊กซี่ หรือ ICSI คืออะไร สามารถช่วยแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยากได้จริงหรือ แล้วมีขั้นตอนการทํา ICSI อย่างไร และการทํา ICSI ราคาเท่าไร ไปดูกัน!!

 

หลาย ๆ คู่รัก ย่อมมีความต้องการที่จะมีโซ่ทองคล้องใจ เพื่อเติมเต็มครอบครัวให้สมบูรณ์ หากแต่ไม่ใช่ว่า ทุกคู่จะประสบความสำเร็จในการบุตร เพราะบางคู่รักก็อาจจะประสบภาวะมีบุตรยาก ไม่ว่าจะเป็นเพราะฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิง ดังนั้น หลายคู่จึงเลือกเข้าปรึกษาแพทย์ เพื่อเข้ารับคำปรึกษา โดยเทคโนโลยีในการมีบุตรที่กำลังนิยมในตอนนี้ คือ ICSI แล้วการทําอิ๊กซี่คืออะไร ประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน บทความนี้มีคำตอบ

 

 

การทำอิ๊กซี่ ICSI คืออะไร

การทําอิ๊กซี่

 

 

การทําอิ๊กซี่ หรือ Intracytoplasmic Sperm Injection ที่ย่อสั้น ๆ ว่า ICSI คือ เทคโนโลยีที่ช่วยในการมีบุตร เพื่อให้ไข่ผสมกับอสุจิ โดยปกติแล้ว ICSI จะนิยมใช้ในกรณีที่ฝ่ายชายมีจำนวนอสุจิต่ำ หรือมีการเคลื่อนไหวของอสุจิที่ไม่ดี หรือหากทั้งคู่เคยประสบความล้มเหลวในการปฏิสนธิด้วยเทคนิคการทำเด็กหลอดแก้วมาก่อนแล้ว

 

กระบวนการของ ICSI คือ การฉีดสเปิร์มเข้าไปในศูนย์กลางของไข่โดยตรงด้วยเข็มแก้ว ซึ่ง ICSI นับว่าเป็นวิธีที่ประสบความสำเร็จสูง แต่จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและอุปกรณ์ที่ทันสมัย ทำให้วิธีนี้มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงกว่าการทำเด็กหลอดแก้วแบบเดิม

 

ICSI อันตรายไหม เสี่ยงอะไรบ้าง โอกาสสำเร็จเท่าไหร่

ตามปกติแล้ว ICSI ถือว่า เป็นเทคนิคที่มีความปลอดภัยและสามารถรักษาภาวะการมีบุตรยากในผู้ชายได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ ก็สามารถเกิดความเสี่ยงขึ้นได้ เช่น

  • ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด เป็นความผิดปกติของโครโมโซมที่อาจทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิดได้ เช่น ความบกพร่องของหัวใจ ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ ภาวะออทิสติก ภาวะความผิดปกติทางสติปัญญา เป็นต้น
  • ไข่เสียหาย จากการใช้เข็มสอดเข้าไปในเนื้อไข่ โดยความเสี่ยงนี้อาจจะเกิดขึ้น หากเราเข้ารับบริการจากสถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือจากแพทย์ผู้ไม่เชี่ยวชาญในการทํา ICSI
  • การตั้งครรภ์แฝด ด้วยในระหว่างการทํา ICSI จะมีการย้ายตัวอ่อนมากกว่าหนึ่งตัวในระหว่างการทำ ดังนั้น จึงมีความเสี่ยงสูงในการตั้งครรภ์แฝด ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น  การคลอดก่อนกำหนดและน้ำหนักแรกเกิดต่ำ ดังนั้น แพทย์จึงแนะนำให้นำตัวอ่อนกลับเพียงตัวเดียว
  • ภาวะรังไข่ตอบสนองต่อการกระตุ้นมากเกินไป (OHSS) เป็นภาวะที่รังไข่บวม มีอาการท้องอืด กดเจ็บที่บริเวณช่องท้อง หรืออาการคลื่นไส้อาเจียน ดังนั้น จึงควรมีการกำกับติดตามประเมินความเสี่ยงในด้านนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที
  • การเกิดเลือดออก ติดเชื้อ หรือเนื้อเยื่อรอบข้างเสียหาย ด้วยการทํา ICSI เป็นการสอดเข็มเข้าไปในไข่ จึงอาจทำให้เลือดออก หรือติดเชื้อได้ง่าย

 

ส่วนโอกาสในการประสบความสำเร็จด้วย ICSI ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น…

  • ช่วงอายุ
  • สุขภาพร่างกายของทั้งคุณพ่อและคุณแม่
  • คุณภาพของสเปิร์มที่ใช้
  • ทักษะและประสบการณ์ของทีมแพทย์ที่ดูแล

แต่ทั้งนี้ โดยเฉลี่ยแล้วอัตราความสำเร็จของ ICSI อยู่ที่ประมาณ 40-50% ต่อรอบ อย่างไรก็ตาม อัตราความสำเร็จอาจแตกต่างกันไปมากขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละบุคคล และอาจต้องใช้การรักษาหลายรอบกว่าที่จะตั้งครรภ์ได้สำเร็จ สิ่งสำคัญที่สุด คือ การปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพของคุณพ่อและคุณแม่และความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่ดูแล

 

การทำ ICSI เหมาะกับใคร

สำหรับการทําอิ๊กซี่ เป็นการแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีบุตรยาก โดยผู้ที่เหมาะสำหรับการทํา ICSI ได้แก่

  • ผู้หญิงมีความผิดปกติของท่อนำไข่ที่ตีบตัน
  • ผู้หญิงมีภาวะตกไข่ผิดปกติ หรือภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
  • ผู้ชายมีเชื้ออสุจิมีจำนวนน้อย สเปิร์มเคลื่อนไหวไม่ดี หรือมีความผิดปกติของสเปิร์มอื่น ๆ ที่ทำให้ยากต่อการปฏิสนธิตามธรรมชาติ
  • ผู้ที่เป็นภาวะมีบุตรยากที่ไม่ทราบสาเหตุ

 

ขั้นตอนการทำ ICSI

ขั้นตอนการทํา ICSI ที่ว่าที่คุณพ่อและคุณแม่จะต้องรู้และเข้าใจ เพื่อให้การทำ ICSI นั้นประสบความสำเร็จ โดยแบ่งออกเป็นขั้นตอน ดังนี้

1. การกระตุ้นรังไข่

ทางฝ่ายคุณแม่จะได้รับยา เพื่อกระตุ้นรังไข่ให้ผลิตไข่หลายฟอง โดยปกติจะทำด้วยการฉีดฮอร์โมนกระตุ้นรูขุมขน (FSH) ทุกวันเป็นเวลาประมาณ 8-14 วัน โดยแพทย์จะทำการตรวจสอบว่า ผลการตอบสนองนั้น ดีหรือไม่ ด้วยการตรวจเลือดและการสแกนอัลตราซาวนด์เป็นประจำ เพื่อระบุว่าไข่จะโตเต็มที่และพร้อมสำหรับการดึงกลับเมื่อใด

2. การดึงไข่

เมื่อไข่โตเต็มที่และมีความพร้อมมากเพียงพอแล้ว แพทย์จะทำการดึงออกมาจากรังไข่ โดยใช้เข็มเจาะ และใช้อัลตราซาวนด์ทางช่องคลอด โดยตามปกติจะให้คุณแม่ดมยาสลบเสียก่อน โดยในขั้นตอนนี้ จะใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที

3. การเก็บสเปิร์ม

ในวันที่เก็บไข่จากคุณแม่ ก็จะมีการเก็บตัวอย่างน้ำอสุจิจากคุณพ่อด้วยเช่นกัน ซึ่งจะดำเนินการในห้องแล็บ เพื่อคัดแยกสเปิร์มที่แข็งแรงและเคลื่อนไหวได้มากที่สุด เพื่อให้การทํา ICSI ประสบความสำเร็จมากที่สุด

4. การปฏิสนธิ

แพทย์จะทำการคัดเลือกสเปิร์มเพียงตัวเดียวและฉีดเข้าไปในไข่ที่สุกเต็มที่ โดยใช้เข็มแก้วละเอียด

5. การเพาะเลี้ยงตัวอ่อน

หลังจากที่ไข่ได้ปฏิสนธิเรียบร้อยแล้ว โดยเราจะเรียกว่า เอ็มบริโอ จะถูกเพาะเลี้ยงในห้องแล็บเป็นเวลา 3 - 5 วัน ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวไข่จะแบ่งตัวและเกิดการพัฒนา

6. การย้ายตัวอ่อน

เมื่อตัวอ่อนพัฒนาตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด ก็จะถูกย้ายไปยังมดลูกของคุณแม่ โดยใช้สายสวน ตัวอ่อนที่มีชีวิตที่เหลืออยู่อาจจะถูกแช่แข็ง เพื่อใช้ในอนาคตต่อไป จากนั้น แพทย์จะทำการติดตามสัญญาณของการตั้งครรภ์ในระยะแรกของคุณแม่

 

ข้อดีของการทำอิ๊กซี่

สำหรับการทำ ICSI มีข้อดีกว่าการทำเด็กหลอดแก้วแบบดั้งเดิมหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคู่รักที่มีปัญหาภาวะมีบุตรยากจากฝ่ายชาย ข้อดีหลัก ๆ บางประการของ ICSI ได้แก่

  • เพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิ โดย ICSI ช่วยให้สามารถฉีดสเปิร์มตัวเดียวเข้าไปในไข่แต่ละฟองได้โดยตรง เพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิได้สำเร็จ แม้ว่าจำนวนอสุจิหรือการเคลื่อนไหวจะต่ำก็ตาม
  • อัตราความสำเร็จที่สูงขึ้น เนื่องจาก ICSI สามารถแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยากของผู้ชายได้ ทำให้มีอัตราความสำเร็จที่สูงกว่าการทำเด็กหลอดแก้วแบบดั้งเดิมในบางกรณี
  • ตัวเลือกสำหรับการผ่าตัดเอาอสุจิออก ในกรณีที่ไม่สามารถรับอสุจิได้จากการหลั่ง (เช่น ในกรณีของการทำหมันหรืออัณฑะล้มเหลว) ยังสามารถใช้ ICSI ได้ โดยการผ่าตัดเอาอสุจิออกจากอัณฑะหรือหลอดน้ำอสุจิ
  • ความยืดหยุ่นในการเลือกประเภทของสเปิร์มที่ใช้ เพราะ ICSI สามารถใช้ได้ทั้งสเปิร์มสดหรือแช่แข็ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับคู่รักที่เงื่อนไขต่าง ๆ เช่น ช่วงอายุ การเดินทาง เป็นต้น

 

โดยรวมแล้ว ICSI สามารถเป็นทางเลือกการรักษาภาวะการมีบุตรยากจากฝ่ายชายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถทำให้มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์ได้มากขึ้น

 

วิธีดูแลตัวเองหลังทำอิ๊กซี่ (ICSI)

อิ๊กซี่

 

หลังจากการทำ ICSI สิ่งสำคัญที่สุด คือ การดูแลตัวเองให้ดี เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ที่ประสบความสำเร็จ โดยเราควรดูแลตัวเอง ดังนี้

  • พักผ่อนให้เพียงพอ โดยเฉพาะช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังทำ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังมากหรือออกกำลังกายเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ สิ่งนี้จะช่วยให้ร่างกายของคุณมีเวลาฟื้นตัวและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน
  • รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งสามารถช่วยดูแลภาวะการตั้งครรภ์ได้ เน้นการรับประทานผักและผลไม้สด แหล่งโปรตีนไร้ไขมัน และเมล็ดธัญพืช
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ส่งผลดีต่อสุขภาพและการฝังตัวอ่อน
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ เพราะจะส่งผลเสียต่อการตั้งครรภ์ได้ ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ในระหว่างและหลังการรักษาด้วย ICSI
  • ลดความเครียด เพราะความเครียดอาจจะส่งผลเสียต่อการตั้งครรภ์ได้ ดังนั้น คุณแม่จึงต้องพยายามลดความเครียดให้ได้มากที่สุด
  • เข้าพบแพทย์ตามนัดหมาย เพื่อติดตามผลและรายงานความคืบหน้า เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ มาปรับแผนการรักษาอย่างใกล้ชิด
  • ปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด

 

ทำ ICSI ราคาเท่าไหร่

หลายคนอาจจะมีคำถามว่า การทํา ICSI ราคาประมาณเท่าไร โดยปกติแล้ว ราคาการทำ ICSI ค่อนข้างสูงกว่าการทำ IUI แต่ ICSI สามารถแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีบุตรยากได้ดีกว่า มีประสิทธิภาพสูงกว่า และมีอัตราความสำเร็จที่สูงกว่าด้วย ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ 200,000 - 500,000 บาท แล้วแต่สถานพยาบาลที่ท่านเลือก

 

ข้อสรุป

การทําอิ๊กซี่ หรือ ICSI เป็นการแก้ปัญหาสำหรับคู่รักที่ต้องการมีบุตร แต่อยู่ในภาวะที่มีบุตรยาก โดยที่ ICSI นั้น เป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยและประสบความสำเร็จค่อนข้างสูง ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ แต่ทั้งนี้ เราก็ควรจะต้องพิจารณาและเลือกสถานพยาบาลในการทํา ICSI ให้ดี เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้น