svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คอลัมนิสต์

ศึกชิงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย "ตระกูลชิน" กลืนเลือดจำยอม "คนแซ่จึง" เซ้งพรรคสีแดง

ศึกชิงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย "ตระกูลชิน" กลืนเลือดจำยอม "คนแซ่จึง" เซ้งพรรคสีแดง สถานีหน้าใครนำทัพ ร่วม ครม.อนุทิน2?

โดย กระบี่เดียวดาย เนชั่นออนไลน์ 

 

24 ตุลาคม 2568 สังคมรู้แล้วว่าลมเปลี่ยนทิศในพรรคเพื่อไทยวันนี้แรงเพียงใดและทำไมจึงเบนทิศทาง..หากอ่านจากบางวรรคตอนของแถลงการณ์ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนที่แปด  “แพทองธาร ชินวัตร”ในช่วงสายวันที่22ตุลาคม2568. และ31ตุลาคมจะรู้ว่าใครคือหัวหน้าพรรคคนที่เก้าของขั้วสีแดง....

 

 

ศึกชิงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย "ตระกูลชิน" กลืนเลือดจำยอม "คนแซ่จึง" เซ้งพรรคสีแดง

 

 

 

“ดิฉันเชื่อมั่นว่า การเปลี่ยนแปลงพรรคเพื่อไทยต้องเริ่มต้นโดยเร็วที่สุด ดิฉันจึงเลือกการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคยกเครื่องได้อย่างอิสระ และสร้างพรรคใหม่ที่สมบูรณ์แบบ

แม้ดิฉันลาออกในวันนี้ แต่ดิฉันยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และจะร่วมกับพวกเราทุกคน สร้างพรรคเพื่อไทยยุคใหม่ ที่พร้อมจะยืนเคียงข้างประชาชน และทำงานอย่างเข้มแข็งเพื่อประเทศชาติที่รักของเราทุกคน”


ไขข้อความบางช่วงบางตอนของแถลงการณ์ในนาม DNA เเละบุตรสาวของทักษิณ ชินวัตรคราวนี้นั้น น่าพินิจลึกๆว่า การขยับคราวล่าสุดของแพทองธารอย่างเป็นทางการคราวนี้ เกิดขึ้นหลังจากคุณแพทองธารเเถลงเปิดแคมเปญ“ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” เมื่อ7 ตุลาคมที่ผ่านมาจากความตั้งใจหรือแรงบีบจากบางมุ้งในค่ายสีแดง


ถามว่า สิบกว่าวันที่ผ่านมา สิ่งใดดลใจให้แพทองธาร เปลี่ยนการตัดสินใจอำลาตำแหน่งหัวหน้าพรรคแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย


ทั้งที่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม คุณแพทองธารยังยืนบทเบอร์ 1 ค่ายสีแดง. 

ทั้งๆที่นิติสงครามล้อมทุกมุมชีวิตตั้งแต่บ่ายวันที่29สิงหาคมเป็นต้นมาว่า ใบอนุญาตบนเวทีการเมืองของเธอโดนตัดสิทธิตลอดชีพ 

ดังนั้นการขยับตัวบนตำแหน่งหัวหน้าพรรคจึง สุ่มเสี่ยงผิดกติกาและพรรคเสี่ยงโดนยุบอีกครั้งจึงเป็นสิ่งที่คนในชินวัตรแฟมิลี่บวกกับสมาชิกพรรคเพื่อไทยเข้าใจดี...

บนสมรภูมิการเมือง ที่เต็มไปด้วยกลเกมชิงการนำอำนาจของแต่ละฝ่าย. แน่นอนว่า แพทองธาร ขยับตัวไม่ได้แล้วจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ชี้ว่าคลิปเสียงอังเคิลนั้น ทำให้ แพทองธารขัดจริยธรรมร้ายแรงจึงไม่สมควรมีบทบาทบนสนามการเมืองอีกต่อไป เรียกได้ว่า ล้มแม่ทัพไปได้แล้วหนึ่งราย

เวลาจากนี้ไป แพทองธาร จึงต้องจำยอมส่งไม้ต่อให้คนอื่นขึ้นมาเป็นแม่ทัพสีแดงคนที่เก้า ส่วนแพทองธารคงทำได้เพียงตำแหน่งกองเชียร์ข้างสนาม  และวันหน้าอาจไม่กล้าไปส่งเสียงให้กำลังใจนอกรั้วอาคารเพื่อไทยเพราะหากไปแสดงตนในพื้นที่หาเสียงของค่ายสีแดง เชื่อได้เลยว่าคะแนนติดลบที่ค่ายสีแดงสะสมไว้อาจทวีคูณเรื่อยๆจนอาจเสียสส.ในเขตนั้นไป

 

 

คนแซ่คู กับสายสัมพันธ์ "แซ่จึง"

บางคนสงสัยว่า ทำไมคนแห่งวงศ์วาน"เเซ่คู"  อำเภอสันกำแพง จึงขยับช้าในการเปลี่ยนบทบาทของอุุ๊งอิ๊ง ทั้งๆที่รู้ว่าหากนำเธอยืน1ต่อไปนั้น มันฝืนกระแสไม่ได้  


หรือการไขก๊อกคราวนี้ มาจากแรงบีบที่หลายมุ้งและหลากผู้คนในค่ายสีแดง แจ้งเจตจำนงไปที่ชินวัตรแฟมิลี่เเล้วว่า หลากมุ้งในพรรคพร้อมย้ายออก หากชินวัตรแฟมิลี่ยังไม่สละตำแหน่งเบอร์1ของพรรคให้ผู้อื่นขึ้นบัญชาการแทนแบบเต็มร้อย

 

โดยเฉพาะ"คนแซ่จึง" เเละสส.ในสังกัดวังน้ำยม ที่เเว่วมาว่า  "คนแซ่จึง"ยื่นเงื่อนไขไว้ว่า หาก"คนแซ่คู"ยังยืน1กลางแท่นประมุขพรรคสีแดง ภาวะไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตของพรรคสีแดงเกิดขึ้นแน่  

ดังนั้นการคว้าตัวเลข 200 สส.ในยามหน้าก็โยนทิ้งไปเลยเเละสส.ในปีกของ"คนแซ่"จึงพร้อมย้ายพรรคเพื่ออนาคตของตัวเอง 

ทำให้ตอนนี้"คนแซ่จึง"น่าจะมีกระสุนไว้พอรบกับพรรคอื่นๆมากที่สุดในค่ายสีแดง


ส่วนกระแสนิยมของพรรคสีแดงนััน ลืมคิดไปได้เลยว่าจะมีลมพัดหวนอีกครั้ง

 

ดังนั้นตัวแทนของ"คนแซ่จึง"คือ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่น่าจะพ้นสภาพผอ.เลือกตั้งสส.พรรคเพื่อไทยไปหมาดๆตามการไขก๊อกของแพทองธาร

 

ท่ามกลางข่าวสะพัดใต้ชายคาเพื่อไทย. สุริยะคือเต็ง1  ขึ้นแท่นหัวหน้าพรรคสีแดงคนที่ 9 หรือหากจะให้คนรุ่นใหม่ในพรรคขึ้นแท่นเบอร์1ค่ายสีแดงดังที่สุริยะอ้างนั้นแว่วว่า"จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์"สส.เชียงใหม่หลายสมัยและอดีตรมช.คลังก็มีลุ้นเพราะเสี่ยหนิมก็แนบชิดคนในพรรคและคนในตระกูลชินวัตร แถมฝีไม้ลายมือบนเวทีการเมืองก็พอไหว

 

 


วงในยังรายงานด้วยว่า "คนแซ่จึง"คนนี้ยังติด 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯของค่ายสีแดง. ทั้ง สุริยะ-ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ บุตรเขยคนโตของทักษิณ-จาตุรนต์ ฉายแสงคือรายชื่อว่าที่ สร.1 คนใหม่และเกิดการโยนหินถามทางกันแล้วว่าโอเคกันหรือไม่

 

หากคนแซ่จึงกุมพรรคสีแดงได้ เต็มสูบ โอกาสร่วมฟอร์มครม.ชุดหน้า ที่ตอนนี้พรรคของอนุทิน ชาญวีรกูล คือเต็งหนึ่งบนตัวเลข 120-150 สส.นั้นเป็นไปได้มาก เหตุเพราะ คนอย่างสุริยะจากเมืองสุโขทัยไม่ยอมเป็นฝ่ายค้านครั้งที่สองในชีวิตแน่นอน

 

ศึกชิงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย "ตระกูลชิน" กลืนเลือดจำยอม "คนแซ่จึง" เซ้งพรรคสีแดง

 

ศึกชิงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย "ตระกูลชิน" กลืนเลือดจำยอม "คนแซ่จึง" เซ้งพรรคสีแดง

 

 

 

นักการเมืองเก๋าเกม ยืนหนึ่งฝั่งรัฐบาล

อย่าลืมว่า สุริยะเข้าวงการการเมืองช่วงรัฐบาลชวน 2 ในปีกของสส.สุโขทัย สมศักดิ์ เทพสุทินแห่งพรรคกิจสังคม โดยสุริยะได้เป็นรมช.อุตสาหกรรม จากนั้น สมศักดิ์และสุริยะไปสังกัดพรรคไทยรักไทยในปี2544 ทั้งสองคนเคยอยู่ในปีกวังบัวบานของเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ก่อนแยกมาตั้งก๊วนวังน้ำยม จากนั้นสุริยะขึ้นชั้นเลขาธิการพรรคโดยเบียดดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ร่วง 

หลังปี2548พรรคเพื่อไทยมี377สส. บารมีของสุริยะเเละสมศักดิ์สุกงอม เเต่ครม.ทักษิณ2โดนยึดอำนาจในปี2549จากคมช.  ต่อมาทั้งสองคนคือสมาชิกบ้านที่เลข111 เเละโดนตัดสิทธิการเมืองห้าปี


ทำให้ช่วงนั้นสุริยะวางมือเพราะอาการป่วยโรคมะเร็ง เเต่สมศักดิ์ย้ายสส.ในปีกตัวเองมาตั้งพรรคมัชฌิมาธิไตย โดยเชิดอนงค์วรรณ เทพสุทิน ภริยามายืนแถวหน้าแทนและได้เป็นรมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช  

 

ต่อมาปี 2551 พรรคนี้โดนยุบพร้อมพรรคพลังประชาชนและพรรคชาติไทย เพราะทุจริตเลือกตั้ง

 

ยามนั้นสมศักดิ์ขน สส.ไปแตะมือกลุ่มเพื่อนเนวินที่ย้ายจากพรรคพลังประชาชนมาร่วมตั้งพรรคภูมิใจไทยและร่วมครม.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยปีกของสมศักดิ์ได้รมว.พาณิชย์และรมช.สาธารณสุขมาดูแล


การเลือกตั้งในปี 2554พรรคภูมิใจไทย ได้สส. 34 คน และเป็นฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โดยปีกของสมศักดิ์ในค่ายสีน้ำเงินตอนนั้นมีสส.ในมือจำนวนหนึ่ง  

เมื่อคสช.ยึดอำนาจในปี2557จนก่อนเลือกตั้งปี2562 สมศักดิ์นำทีมย้ายจากพรรคสีน้ำเงินมาแตะมือพรรคพลังประชารัฐ โดยสุริยะคัมแบ็กหลังถอนคำพูดวางมือทางการเมืองต่อสาธารณชน  

สองคนนี้ไปตั้งกลุ่มสามมิตรกับสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ โดยสุริยะได้เป็นรมว.อุตสาหกรรมและสมศักดิ์เป็นรมว.ยุติธรรม  ก่อนที่แม่น้ำแยกสายไม่มีกลุ่มสามมิตรในตำนานของพปชร. และมีเพียงกลุ่มสองมิตรเท่านั้นดังที่สมศักดิ์กล่าวไว้ 


จากนั้นปี2566 สุริยะเเละสมศักดิ์คัมแบ็กบ้านเก่าที่พรรคเพื่อไทยช่วยให้เศรษฐา ทวีสิน/แพทองธาร ขึ้นแท่นสร.1โดยสองคนนี้ยังคงเก้าอี้รองนายกฯ/รมว.คมนาคม/รมว.สาธารณสุขไว้

ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกหาก"คนแซ่จึง"เซ้งพรรคจาก"คนแซ่คู"มาได้ การร่วมครม.ชุดหน้ากับคู่แค้นเก่าในตอนนี้คือพรรคของอนุทิน 

อย่าลืมวรรคทองการเมืองไทยว่าการเมืองนั้นไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร บวกกับคำของมังกรเมืองสุพรรณที่เคยระบุว่าเป็นฝ่ายค้านนั้นอดอยากปากแห้ง

 

สิ่งเหล่านี้ยังใช้ได้เสมอกับคนการเมืองแห่งสยามประเทศทุกสมัย