
23 พฤศจิกายน 2568 จากกรณีชุดปฏิบัติการพิเศษของกรมราชทัณฑ์ บุกจู่โจมตรวจค้นเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และพบสิ่งของต้องห้ามหลายรายการ อาทิ แอร์เคลื่อนที่ ไฟแช็ค กล่องใส่ถุงยางอนามัย เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พบนางแบบสาวชาวจีน สั่งอิมพอร์ตมาบำเรอกาม ผู้ต้องขังจีนเทา ถึงในห้องรับรองผู้บริหาร ในเรือนจำ กลายเป็นฮาเร็มในคุก และถูกขนานนามว่า คุก VIP
โดยการเข้าไปต้องผ่านห้องของผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และขณะตรวจสอบ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อยู่ที่ห้องทำงานด้วย จนมีคำสั่งย้าย นายมานพ ชมชื่น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และผู้คุมที่เกี่ยวข้องประมาณ 20 คน รวมทั้งมีคำสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการทางวินัย และอาญาต่อไป ขณะที่การสอบสวนเบื้องต้น มีข้อมูลว่า ผู้คุมจะได้เงินสินบนจ๊อบละ 100,000 บาท เป็นอย่างต่ำ
ล่าสุด วันนี้(23 พ.ย. 68 ) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ซึ่งเคยถูกควบคุมอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “สงครามสีเทา ทุนเทาเกาะกินทำลายทุกองคาพยพของระบบไทย ยิ่งทุนหนาอย่าง “ทุนจีนเทา” เคยทำได้ถึงขนาดเปิดผับค้ายา เสพไม่หมดฝากยาไว้เสพครั้งหน้าเหมือนฝากเหล้า
ล่าสุดถึงคิว ”กรมคุก“ เรือนจำพิเศษกรุงเทพใจกลางกรุงแท้ๆ หาใช่เรือนจำบ้านนอกห่างไกล ดันมีบริการส่งผู้หญิงจีนบำเรอกาม สร้างสวรรค์ชั่วคราวให้นักโทษจีนคลายเหงาแก้เซ็งถึงในคุก กินหรูอยู่สบาย นักโทษวีไอพีไทยกลายเป็นเรื่องเล็ก เมื่อเจอกินเหล้าเคล้าเซ็กส์ของนักโทษวีไอพีจีนเทา
เรื่องแดงขึ้นมาจากการ “แทงหลังกันเอง“ หาใช่มีการร้องเรียนจากนักโทษในคุก เพราะการร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษรทุกอย่างจากข้างในคุก ต้องถูกเซ็นเซอร์ จึงไม่มีทางหลุดออกจากแดนสนธยาไปถึงข้างนอกได้
เรื่องในคุกจะหลุดออกมาได้ต้องมี "ไฟเขียว" เท่านั้น
แผนการวางงานโดนโละทั้งกระดาน พาลไปถึงเรือนจำคลองเปรม เรือนจำหญิงกลาง เรือนจำบำบัด รวมถึงการโละอำนาจเก่าไปสู่อำนาจใหม่ ทุนเทายังคงอยู่ไม่ไปไหน แค่รอเวลาคลื่นลมสงบก็กลับมาใหม่ อำนาจใดจะใหญ่กว่าอำนาจทุน แก่จนจะเข้าโลงยังไม่เคยเห็น
ยิ่งเรื่องในคุก หากให้ตรวจกันเองก็เหมือนตำรวจสอบตำรวจ ผลออกมาได้แค่แสดงแอ็คชั่นขึงขัง สร้างภาพไปตรวจ จากนั้นตั้งกรรมการสอบรายชื่อยาวเป็นหางว่าว ปล่อยไปสัก 1-2 เดือน ให้เรื่องเงียบ จะให้ปราบจริงจังไม่มีทางเกิดขึ้นได้ มีแต่ในหนังซีรีส์ ไม่ใช่เรื่องจริงที่จะมีในประเทศไทย
ต่อไปทุนเทาจะหนักกว่าเก่า เพราะเป็นทุนหนา ว่ากันเป็นระดับ ”ห้อง“ ไม่ใช่ระดับ ”กิโล“
ยิ่งช่วงใกล้เลือกตั้ง ทุนเทาคงได้เปิดห้องขนกันเพลิน ห้องใครใหญ่กว่าคือผู้ชนะ
เรื่อง “แบ่งกันคนละครึ่ง” ตามนโยบายรัฐบาลไม่มี มีแต่ผู้ชนะคือผู้ที่ไม่แบ่งใคร อุดมการณ์ถูกเอาไปเร่ขาย นโยบายเป็นเพียงแค่ไม้ประดับข้างรั้วให้ดูดี โบกไม้โบกมือยกมือไหว้บนรถหาเสียง แต่ถึงเวลาจริง คือ ทุนเทาทำงานจ่ายอย่างงาม ใครทุนน้อยหลีกทางไป ไม่มีใครเอาทุนตัวเองมาเล่นการเมือง
เหมือนเอาไม้จิ้มฟันไปงัดไม้ซุง ต้องเอาทุนเทามาเกทับ สงครามสีเทาจึงลามเข้าไปทุกภาคส่วนของประเทศไทย เป็นสงครามที่คนไทยไม่มีวันชนะเสียด้วย"