svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“วันนอร์” เตือนยื่นซักฟอกต้องดูไทม์มิ่ง หวั่นกระทบ รธน.เป็นหมัน

“วันนอร์” เตือนยื่นซักฟอกต้องดูไทม์มิ่ง หวั่นกระทบ รธน.เป็นหมัน ฟังชัดๆ ญัตติซักฟอกถึงมือประธาน - นายกฯยุบสภาได้หรือไม่?

6 พฤศจิกายน 2568 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม วาระ 2-3 ว่า เรื่องการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ มี 2 เงื่อนไข คือ รัฐบาลต้องประสานมายังรัฐสภา และร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ต้องพิจารณาจบในชั้นกรรมาธิการวิสามัญฯ เสียก่อน

 

 

 

“เรื่องเดียวที่จะเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญรอบนี้ คือ พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญวาระ 2-3 ซึ่งการจะเปิดประชุมได้ กรรมาธิการวิสามัญฯ ต้องพิจารณาร่างในรายมาตราให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน เมื่อนำเข้าที่ประชุมรัฐสภาแล้ว จะมีการพิจารณารายมาตราอีกครั้งในที่ประชุมใหญ่ จากนั้นก็ต้องปิดสมัยประชุม เพราะยังไม่สามารถลงมติวาระสามได้ เนื่องจากต้องพักไว้ 15 วัน”

 

 

 

“วันนอร์” เตือนยื่นซักฟอกต้องดูไทม์มิ่ง หวั่นกระทบ รธน.เป็นหมัน

 

 

“ฉะนั้นการจะเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญได้ทันกลางเดือนนี้หรือไม่ สำหรับผมจึงยังไม่แน่ใจว่ากรรมาธิการฯ จะพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมวาระสอง เสร็จทันหรือไม่ แต่กรอบเวลาที่กำหนดไว้เดิม น่าจะเป็นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน หรือต้นเดือนธันวาคมในการเปิดสมัยประชุมวิสามัญ” 

 

 

ประธานวันนอร์ ยังแสดงความเป็นห่วงว่า หากเร่งรีบเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในช่วงนี้ อาจมีปัญหาเรื่ององค์ประชุม เพราะมี สส.ที่เป็นกรรมาธิการสามัญ เดินทางไปต่างประเทศกันหลายคณะ แต่เชื่อว่าตามกรอบเวลาที่หารือกันไว้ ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม จะมีการลงมติวาระ 3 ได้ทันก่อนสิ้นปี 2568 อย่างแน่นอน

 

 

“วันนอร์” เตือนยื่นซักฟอกต้องดูไทม์มิ่ง หวั่นกระทบ รธน.เป็นหมัน

 

 

ฟังชัดๆ ญัตติซักฟอกถึงมือประธาน - นายกฯยุบสภาได้หรือไม่?

ต่อข้อถามถึงกรณีมีข่าวนายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล ระบุทำนองว่าอาจตัดสินใจยุบสภา หากฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสมัยประชุมหน้า ในฐานะประธานสภามีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร 

 

อาจารย์วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า อำนาจยุบสภาเป็นของนายกรัฐมนตรีโดยสมบูรณ์ ส่วนรัฐบาลจะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ ก็อยู่ที่การยื่นญัตติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สส. ซึ่งต้องใช้เสียงไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ในการยื่นญัตติ แต่หาก สส.ฝ่ายค้านยื่นญัตติมาแล้ว อำนาจนายกฯ ในการยุบสภาก็จะหมดไป จนกว่าจะอภิปรายจบและมีการลงมติ หากเสียงไม่ไว้วางใจเกินกึ่งหนึ่ง รัฐบาลก็ต้องพ้นสภาพไป ก็ต้องมีการสรรหานายกฯกันใหม่ แต่หากเสียงไม่ไว้วางใจไม่ถึงกึ่งหนึ่ง รัฐบาลก็สามารถบริหารประเทศต่อไปได้

 

ทั้งนี้ ประธานวันนอร์ อธิบายว่า อำนาจการยุบสภาของนายกรัฐมนตรี ยังคงมีอยู่ ตราบเท่าที่ยังไม่มีการบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเข้าสู่วาระของการประชุม เพราะในกระบวนการยื่นญัตติต่อประธานสภา ญัตติอาจจะไม่สมบูรณ์ก็ได้ เช่น มี สส.ลงชื่อไม่ครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด ฉะนั้นแม้ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติต่อประธานแล้ว นายกฯก็ยังยุบสภาได้ จนกว่าจะมีการบรรจุญัตติในวาระการประชุมสภา 

 

เมื่อถามอีกว่า หากนายกฯตัดสินใจยุบสภา เพราะถูกฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ผลกระทบก็คือ ถ้าร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมยังไม่ผ่านวาระสาม ก็จะทำให้ร่างตกไปด้วย เพราะสภาถูกยุบ เรื่องนี้อยากฝากถึง สส.ฝ่ายค้านและรัฐบาลอย่างไรบ้าง 

 

ประธานวันนอร์ ตอบว่า อยากให้ทุกฝ่ายพิจารณาเรื่องจังหวะเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนไทยทั้งประเทศ และคนไทยก็ตั้งความหวังเรื่องรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ฉะนั้นจึงขอให้ทุกฝ่ายพิจารณาด้วยความรอบคอบใน 2 เรื่องด้วยกัน คือ

 

หนึ่ง-เนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งพิจารณาเป็นรายมาตรา ควรตกลงกันให้ได้ เพื่อไม่ให้กลายเป็นความขัดแย้ง และถูกตีตกในการลงมติวาระสาม โดยขอให้ทุกฝ่ายประสานงานทำความเข้าใจกันให้มาก เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการ “แก้วิธีแก้” เท่านั้น ยังไม่ใช่การกำหนดกติกาประเทศที่จะต้องลงรายละเอียดกัน  เพราะเรื่องนั้นจะเป็นชั้นของสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ซึ่งต้องผ่านขั้นตอนแรกนี้ไปให้ได้ก่อน 

สอง-จังหวะเวลาในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ น่าจะพิจารณาถึงผลกระทบด้านต่างๆ และความชัดเจนในการกระทำผิดของรัฐบาลด้วย เพราะหากความผิดยังไม่ชัดเจน ยื่นญัตติไปแล้ว สุดท้ายก็ไม่เกิดผลอะไร 

 

 

อย่างไรก็ดี สส.มีอำนาจหน้าที่เต็มที่ในการดำเนินการ ตนไม่สามารถก้าวล่วงได้ แค่อยากขอให้พิจารณาเรื่องจังหวะเวลา หรือ ไทม์มิ่งให้ดีๆ เพื่อไม่ให้กระทบกับเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ