
1 พฤศจิกายน 2568 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวในงานสัมมนา "แรงงานไทย ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง" หัวข้อ "ทิศทางการเปลี่ยนแปลงกระทรวงแรงงาน ภายใต้การเปลี่ยนแปลง"
ซึ่งจัดโดยคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา มูลนิธิพิพิธภัณฑ์แรงงานไทย และมูลนิธิฟรีดริค เอแบร์ท ประเทศไทย ที่อาคารรัฐสภา
น.ส.ตรีนุช เผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญคลื่นการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเสถียรภาพและความมั่นคงในชีวิตการทำงานของคนไทย ปัจจัยที่สำคัญคือ
1) โครงสร้างประชากร ไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว เด็กเกิดน้อยลง สัดส่วนประชากรวัยแรงงานลดลง เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน
2) ความท้าทายจากเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อความต้องการทักษะอย่างรุนแรง ส่งผลให้ความต้องการทักษะ
3) ตลาดแรงงานและการขาดแคลนทักษะ แม้อัตราการว่างงานโดยรวมจะต่ำ แต่ปัญหาเชิงโครงสร้างที่กำลังเผชิญคือ การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะตรงตามความต้องการ
4) ความท้าทายด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ นโยบายการค้าที่เข้มข้นของสหรัฐฯ ไทยได้รับผลกระทบภาษีส่งออกที่เก็บอัตราร้อยละ 19
กระทรวงแรงงานกำหนดนโยบายปี 2569 ทั้งหมด 5 ด้าน
โดยพิจารณาจากความจำเป็นเร่งด่วน และผลกระทบสูงที่ทำได้ในระยะสั้น แต่เกิดผลในระยะยาว ดังนี้
1) การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานจากการสู้รบไทย-กัมพูชา เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
2) การยกระดับและเพิ่มทักษะ (UpSkill-ReSkill) แรงงานไทยก้าวทันเทคโนโลยี
3) การส่งเสริมสวัสดิการแรงงานและความมั่นคงในชีวิต
4) สร้างโอกาสให้แรงงานไทยมีงานทำในต่างประเทศ นำเงินตราต่างประเทศเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
5) ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการทำงาน
ด้านสิ่งที่ดำเนินการในตอนนี้จะเป็นการปูทางสู่การทำงานในระยะยาว ซึ่งกระทรวงแรงงานมีการดำเนินการพัฒนาทักษะแรงงานที่เท่าเทียมและยั่งยืน ดังนี้
1) กระตุ้นให้แรงงานพร้อมปรับตัว ผ่านการให้ข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับความจำเป็นในการพัฒนาทักษะ
2) ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อการสร้างทักษะที่ยืดหยุ่น
3) ทำหลักสูตรให้ตอบโจทย์จริง พัฒนาบุคลากรแบบ Demand Driven ร่วมมือกับภาคเอกชนและภาคการศึกษา
4) เร่งพัฒนามาตรฐานฝีมือแรงงานระดับประเทศ และสากล สร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคอุตสาหกรรม เสริมสร้างศักยภาพแรงงานไทยทัดเทียมต่างชาติ
รมว.แรงงาน กล่าวเพิ่มว่า แม้ว่ารัฐบาลจะมีอายุแค่ 4 เดือน แต่ตนคิดว่าสิ่งที่ดำเนินการในตอนนี้ จะเป็นการปูทางไปสู่การทำงานในระยะยาว ซึ่งกระทรวงแรงงานมีการดำเนินการ แต่อาจจะต้องจัดเรียงเพื่อไปสู่การแก้ไขปัญหา เพื่อพัฒนาทักษะแรงงานที่เท่าเทียมและยั่งยืน มีดังนี้ 1) การกระตุ้นให้แรงงาน “พร้อมปรับตัว” ผ่านการให้ข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับความจำเป็นในการพัฒนาทักษะ 2) การส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อการสร้าง “ทักษะที่ยืดหยุ่น” 3) การทำหลักสูตรให้ “ตอบโจทย์จริง” ซึ่งนโยบายของกระทรวงแรงงานมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรแบบ “Demand Driven” โดยมีการบูรณาการความร่วมมือไม่ว่าจะเป็น ภาคเอกชนและภาคการศึกษา 4) กระทรวงแรงงานกำลังเร่งพัฒนามาตรฐานฝีมือแรงงานระดับประเทศและสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคอุตสาหกรรม และเสริมสร้างศักยภาพให้แรงงานไทยทัดเทียมแรงงานต่างชาติ
“ดิฉันเชื่อมั่นว่า การดำเนินการตามแผนเร่งด่วนที่ทำได้ทันที และการสร้างความร่วมมือที่เข้มแข็งกับไตรภาคี จะเป็นกุญแจสำคัญในการนำพาแรงงานไทยก้าวข้ามความผันผวน และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนให้แก่ประเทศชาติได้” น.ส.ตรีนุช กล่าวในตอนท้าย