
30 กันยายน 2568 สืบเนื่องจากวันแถลงนโยบายรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล โดยนายจุลพงศ์ จุลเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ฝ่ายค้าน ได้หยิบยกประเด็นอภิปรายถึงแนะช่องให้ฟ้องเพิกถอนเขากระโดงเป็นรายแปลงและยืนยันว่าที่ดินเขากระโดงเป็นของหลวง ขณะเดียวกันฝ่ายพรรคภูมิใจไทยได้ปล่อยหนังสือที่ นายจุลพงศ์ ถูกนายเนวิน ชิดชอบ ฟ้องหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาต่อศาล ในปมศึกซักฟอกที่ผ่านมา
โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายจุลพงศ์ ได้ทำหนังสือถึงนายเนวิน ชิดชอบและครอบครัวตระกูลชิดชอบ เพื่อขอโทษ โดยระบุว่า เข้าใจผิดว่าครอบครัวตระกูลชิดชอบไม่ได้มีเจตนาที่จะครอบครองที่ดินเขากระโดงโดยผิดกฎหมายมาตั้งแต่ต้น โดยเป็น สส.สมัยแรก และโยนความผิดไปให้ทีมงาน โดยสำนึกผิด โดยจะขอบริจาคเงินจำนวน 10,000 บาทเพื่อขอโทษประชาชนในจังหวัดบุรีรัมย์ที่ได้รับผลประกระทบและปักหมุดข้อความขอโทษในเพจเฟสบุคหน้าแรกของตนไม่น้อยกว่า 7 วัน นั้น
ล่าสุด “ดร.ณัฏฐ์” หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ได้ออกมาบี้ ให้นายจุลพงศ์ จุลเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ลาออกจาก สส.เพราะเป็นเรื่องน่าละอาย และเป็นที่น่าขบขันอย่างยิ่ง เหตุโยนความผิดให้แก่ทีมงาน เคยบอกแล้วว่า นายจุลพงศ์ ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญกฎหมาย ไม่มีประสบการณ์ทางกฎหมายแท้จริง เพราะทำงานในมาเลเซีย เก่งแต่ทฤษฎี เมื่อเจอปัญหาโยนความผิดให้แก่ทีมงาน แต่ความจริง การอภิปรายเป็นเรื่องของตัวผู้อภิปรายโดยตรง จะเลือกอภิปรายหัวข้อเรื่องใด คณะทำงานหรือทีมงานไม่ได้กำหนดให้ เพียงแค่สนับสนุนหาข้อมูลที่ สส.รายดังกล่าวต้องการอถิปราย จะมาอ้างว่า เป็น สส.สมัยแรก ไม่ตรวจสอบให้ดี ฟังไม่ขึ้น
พฤติกรรมแบบนี้ จะมาทำหน้าที่ สส.ฝ่ายค้านตรวจสอบได้อย่างไร ควรรีบลาออกจาก สส. ไม่ควรอยู่เป็นภาระของพรรคประชาชนและภาระภาษีของพี่น้องประชาชน โดยทำท่าทีอภิปรายที่ดินเขากระโดง แต่ปกปิดสิ่งที่ตนเองถูกฟ้องและปกปิดข้อเท็จจริงหนังสือขอโทษนายเนวิน ชิดชอบและตระกูลชิดชอบ ที่ยอมรับสำนึกผิดขอโทษและบริจาคเงิน แบบนี้ ไม่เรียกว่า “สส.” แต่ประชาชนเขาเรียกว่า “อีแอบ”
ก่อนหน้านี้ นายจุลพงศ์ เคยพาดพิงตนให้เสียหาย อวดอ้างว่า เก่งกฎหมาย ทับถมคนอื่น ตนกำลังให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีอาญามิให้เป็นเยี่ยงอย่างเพราะไม่ใช่หน้าที่ของ สส.และไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ
"ผมไม่เคยโอ้อวดเรื่องการศึกษา อยากนำเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า ตนมีพื้นฐานระดับการศึกษา สำเร็จการศึกษากฎหมายในระดับเนติบัณฑิตไทย สมัย 57 สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา จบปริญญาเอกกฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีคุณภาพระดับมาตรฐานกฎหมายสูงเหมือนเรียนจบปริญญาเอกทางกฎหมายมหาชนในประเทศฝรั่งเศส และจบปริญญาเอกปรัชญาดุษฎีบัณฑิตสาขาวิชาการเมือง รุ่น 1 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มีประสบการณ์กฎหมายว่าความไม่น้อยกว่า 30 ปี วันหยุดเสาร์อาทิตย์รับบรรยายพิเศษในระดับปริญญาตรี-โท-เอก เป็นอาจารย์พิเศษทางด้านกฎหมายมหาชนและรัฐศาสตร์การเมืองการปกครอง สอนหนังสือทั้งมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน หลายแห่ง มายาวนาน ไม่น้อยกว่า 23 ปีเศษ มีลูกศิษย์ทั่วประเทศมากมาย"
ทั้งล่าสุด ได้รับไว้วางใจจากผู้ใหญ่ในรัฐบาล ถูกทาบเชิญมานั่งตำแหน่งใหญ่เป็น “กุนซือกฎหมาย”ให้แก่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหนึ่ง ในตำแหน่ง “ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านระดับสูง” ประจำตัวรองนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่ง เทียบเท่าระดับตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีหรือ “ผู้ช่วยรัฐมนตรี” โดยไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อ ป.ป.ช. ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
หากตนเป็น นายเนวิน ชิดชอบ จะไม่ถอนฟ้องคดีอาญาให้แก่นายจุลพงศ์ฯ และดำเนินคดีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ต่อ ป.ป.ช. ให้ตัดสิทธิ์การเมืองตลอดชีพ เอาให้เข็ดหลาบ “พวกปากกล้า ขาสั่น”
ในเมื่อทำหน้าที่ สส.ฝ่ายค้าน ตรวจสอบ หากมีพื้นฐานกฎหมายแม่นและมีประสบการณ์กฎหมายในภาคปฏิบัติ การทำหน้าที่ตรวจสอบของ สส.ฝ่ายค้าน เป็นการตรวจสอบเพื่อประโยชน์สาธารณะ เป็นข้อยกเว้นความผิดฐานหมิ่นประมาท ตาม ปอ.มาตรา 329 สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ ไหนว่า นายจุลพงศ์ฯเรียนจบกฎหมายมา ไม่มีพื้นฐานกฎหมายมหาชน
พูดภาษาชาวบ้าน การอภิปรายซักฟอก เป็นการทำหน้าที่ สส.ฝ่ายค้าน ตรวจสอบเพื่อรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน ผิดหมิ่นประมาทตรงไหน ไม่งั้น สส.ฝ่ายค้าน เขาติดคุกกันหมด โดยเฉพาะที่ดินเขากระโดง วิญญูชนรู้กันอยู่ทั่วไปว่า “ที่ดินเขากระโดง เป็นที่ดินของหลวง”
แค่นี้ นายจุลพงศ์ฯกลับ “กลัวหัวหด” อ้างว่า เป็น สส.สมัยแรก และโยนความผิดให้แก่ทีมงาน ทั้งยังไประบุในเนื้อหาจดหมายขอโทษนายเนวิน ชิดชอบและครอบครัวตระกูลชิดชอบ เหมารวมถึงประชาชนในจังหวัดบุรีรัมย์ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อเอาตัวเองรอดไปวันๆ ไม่สมเกียรติความเป็น สส. นายจุลพงศ์ฯ ควรลาออกไปเถอะ เปลืองภาษีประชาชน ช่วยกันแชร์ให้ถึงนายจุลพงศ์ และ สส.พรรคประชาชน รวมถึง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้นำจิตวิญญาณพรรคส้ม จะได้รู้พฤติกรรมแท้จริงของนายจุลพงศ์ฯ
ในวันที่ 29 กันยายน 2568 วันแถลงนโยบายรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล วันแรก นายจุลพงศ์ฯ สส.พรรคประชาชน กลับถูกลอกคราบ หมดเปลือก ถูกเปิดเผยตัวตนแท้จริง จริงๆแล้ว ตนเคยให้จับตามองนายจุลพงศ์ฯ ไม่มีท่าทีเอาจริงกับที่ดินเขากระโดง ออกมาแถลงเล่นใหญ่ แล้วเงียบหายไป เป็นแค่เกมสับขาหลอกประชาชนว่า ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบที่ดินเขากระโดงแล้ว แต่ครั้งนี้ กลับอภิปรายไปแนะช่องให้การรถไฟฯฟ้องเอกชนรายแปลง แถมอ้างอิงแนวคำพิพากษาศาลฎีกา เป็นเกมละครตบตาประชาชน ถูกอีกฝ่ายเอาจดหมายมาเปิดโปง นายจุลพงศ์ตัวเอง ยังเอาไม่รอดเลย แล้วจะไปแนะนำคนอื่นไปฟ้องเพิกถอนเป็นรายแปลงได้อย่างไร
ที่นี้ พี่น้องประชาชนรู้ทันเกม ละครตบตาของนายจุลพงศ์ฯ และพรรคประชาชน หรือยังว่า ไม่ได้ตรวจสอบอย่างเข้มแข็ง เหมือนที่ระบุไว้ใน MOA หรือสัญญาทาส ข้อ 5 ดังนั้น การตรวจสอบฝ่ายค้าน “ไม่มีอยู่จริง” เล่นการเมืองปาหี่ ฝากพี่น้องประชาชน เลือกตั้ง สส.ปี 2569 ช่วย “สั่งสอน” พรรคนี้ในสนามเลือกตั้งหน่อย
“ที่ดินเขากระโดง” เป็นที่ดินของหลวง แม้แย่งการครอบครองนานเพียงใด เอกชนไม่อาจยกอายุความขึ้นต่อสู้รัฐหรือแผ่นดินได้ ส่วนกระบวนการติดตามเอามาคืนให้เป็นสมบัติสาธารณสมบัติสำหรับพลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกัน เป็นหน้าที่ของให้พี่น้องประชาชนทุกคนช่วยกันทั้งประเทศติดตาม แต่ต้องอยู่ภายในกรอบของกฎหมาย ไม่ละเมิดสิทธิบุคคลอื่น