svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ศรีญาดา" สงสัยทำไมหลังผู้นำกัมพูชา เรียกร้องยกเลิก MOU43 เพียง 1 เดือน ภท.ก็ชงสภายกเลิก MOU43

"ศรีญาดา" สงสัยทำไมหลังผู้นำกัมพูชา เรียกร้องยกเลิก MOU43 เพียง 1 เดือน ภท.ก็ชงสภายกเลิก MOU43 หวัง "นายกฯหนู" โชว์วิสัยทัศน์-จุดยืนผู้นำ-ยุทธศาสตร์การทูตเชิงรุกต้องชัดเจน

30 กันยายน 2568 ทันตแพทย์หญิงศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายต่อนโยบายความมั่นคงและการต่างประเทศที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวานนี้ (29 ก.ย.68) ว่า นโยบายความมั่นคงและการต่างประเทศของรัฐบาลนายกฯ อนุทิน เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ขาดวิสัยทัศน์และจุดยืนของผู้นำประเทศในเวทีโลก

 

แม้นเรามีความจำเป็นต้องโต้ตอบกัมพูชาในเวที UN การทะเลาะกันต่อหน้าชาวโลก ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทย ขาดความน่าเชื่อถือในสายตา นานาประเทศดังที่อดีตนายกฯเศรษฐาได้กล่าวว่า “สันติภาพคือทุนที่สำคัญ” ความขัดแย้ง เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศและภูมิภาคอาเซียน ซึ่งสุดท้ายย่อมกระทบต่อการค้า การลงทุน และคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน

 

 

ทำไม่ได้ : ขาดวิสัยทัศน์และบทบาทผู้นำประเทศในเวทีโลก

รัฐบาล มีนโยบาย จะเร่งแก้ปัญหากรณีพิพาทไทย–กัมพูชา ด้วยแนวทางสันติภาพผ่านกลไกการเจรจาทางการทูต ควบคู่กับการป้องกันประเทศที่เข้มแข็ง แต่จุดยืนของผู้นำ ยังไม่ชัดเจน กลับไปกลับมา ยังไม่เห็นยุทธศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศภาพรวม ซึ่งต้องนำเอาปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น Geopolitic และ ความเป็นครอบครัวอาเซียน มาพิจารณาร่วมด้วย

ขณะที่กัมพูชาเดินเกมส์รุก สร้างสถานการณ์ เพื่อยกระดับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาไปสู่เวทีนานาชาติ กล่าวหาว่าไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง รุกล้ำพื้นที่อ้างสิทธิ ใช้อาวุธต่อพลเรือนกัมพูชา เพื่อสร้างภาพว่าไทยเป็นฝ่ายโจมตีก่อน หรือ สร้าง Act of Aggression

แต่ในข้อเท็จจริง กัมพูชาทั้งรุกล้ำพื้นที่อ้างสิทธิ รุกล้ำเขตแดนไทย ลอบวางทุ่นระเบิดสังหาร โจมตีโรงพยาบาล โจมตีพื้นที่ชุมชน จนมีพลเรือน และเด็กผู้บริสุทธิ์ เสียชีวิต ทหารกัมพูชาล่าสุดจัดตั้งม็อบ ใช้ประชาชน ผู้หญิง และเด็ก เป็นโล่มนุษย์

 

ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลนายกแพทองธารเน้นจุดยืนของประเทศไทย รักษาสันติภาพ เคารพและปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ ตามหลักมนุษยธรรม และข้อตกลงหยุดยิง

ในประชาคมโลกมาโดยตลอด การเป็นประเทศใหญ่ ที่ไม่เคยรังแกประเทศเล็ก แต่ตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตยและชีวิตประชาชน ตามสัดส่วนที่เหมาะสม (หรือ reciprocal responses for self-defense) ในเวทีระหว่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ UNGA, UNSC, และ ICRCรวมทั้งไม่ Internationalise ประเด็นความขัดแย้งให้เป็นการเมืองระหว่างประเทศ

ท่านประธานคะเพื่อไม่ให้ไทยเพลี่ยงพล้ำในด้านการเมืองระหว่างประเทศ รัฐบาลนายกแพทองธาร ได้กดดันกัมพูชาในสิ่งที่กัมพูชาทำผิด จนยอมกลับมาเจรจาทวิภาคีได้ ทั้งๆที่ ในช่วงแรกผู้นำกัมพูชาปฏิเสธการเจรจา 2 ฝ่ายมาโดยตลอด

ดิฉันเห็นว่ารัฐบาลนายกฯ อนุทิน จำเป็นต้องมียุทธศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศเชิงรุกที่ชัดเจน ต้องกดให้เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่าง 2 ประเทศต้องสื่อสารข้อเท็จจริงที่ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำ ละเมิด ทั้ง MOU 43 และ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่องและจริงจัง

ในการเจรจาไปสู่สันติภาพ รัฐบาลไทยยิ่งต้องทำให้กัมพูชาจำนนต่อหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้ สร้างความได้เปรียบในการเจรจา เพราะสันติภาพจะเกิดขึ้นได้ ต่อเมื่อพี่น้องทหาร ประชาชนพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ต้องได้รับความยุติธรรมจากการกระทำ ที่ไร้มนุษยธรรมก่อน

แต่ทั้งหมดนี้ ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดิฉันยังไม่เคยได้ยิน นายกฯ อนุทิน ประณามการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมของกัมพูชาแม้แต่ครั้งเดียว หรือกระทั่งวันนี้ที่แถลงนโยบาย

 

 

ก็ไม่มีการเดินหน้าเรียกร้องให้กัมพูชามาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิดเลยด้วยซ้ำ

ท่านประธานคะ ท่านนายกฯ ต้องฟังข้อแนะนำของกระทรวงการต่างประเทศให้มาก โดยเฉพาะท่าทีของผู้นำรัฐบาล ในขณะที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ตอบโต้กัมพูชาในเวที UN ได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที แต่น้ำหนักของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเพียงคนเดียว อาจจะไม่เพียงพอสำหรับเรื่องนี้ เพราะท่าทีและแนวนโยบายของผู้นำ คือ ทิศทางของประเทศ

อีกเรื่องที่สำคัญ อยากถามท่านนายกฯ ถึงแนวนโยบายกระทรวงมหาดไทย ที่จะส่งผลกระทบต่อการต่างประเทศ คือการผลักดันผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา ที่มาอาศัยอยู่ในพื้นที่อพยพในเขตแดนของไทย บ้านหนองจาน หนองหญ้าแก้ว ที่จะเกิดขึ้นภายในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ ว่าท่านจะมีนโยบายที่ชัดเจนกว่านี้อย่างไร ท่านจะปล่อยให้ฝ่ายข้าราชการประจำในพื้นที่จัดการกันเอง โดยไม่มีนโยบายจากผู้นำรัฐบาลไม่ได้

 

“ทำไม่ดี : การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ภัยไซเบอร์ ไม่มีมิติระหว่างประเทศ”

 

ท่านประธานคะอีกหนึ่งนโยบายที่สะท้อนความ “ทำไม่ได้ ทำไม่ดี” คือ นโยบายป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และภัยไซเบอร์

มีรายงาน UNODC ชี้ว่า ศูนย์ฉ้อโกงข้ามชาติสร้างรายได้สูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท ต่อปี และหลายเครือข่าย เชื่อมโยงกับภูมิภาคนี้ รัฐบาลนายกแพทองธาร ใช้มาตรการเชิงรุก ตัดไฟ–ตัดเน็ต” เพื่อสกัด Scam Center พร้อมร่วมมือกับนานาประเทศในการปราบปราม ให้เป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์หลักในการกดดันกัมพูชา

แต่รัฐบาลนี้กลับเขียนระบุเพียงสั้นๆ โดยไม่มีมิติความร่วมมือระหว่างประเทศ ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจว่า ท่านนายก ฯ จะเดินหน้าแสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศในการปราบปรามเรื่องนี้อย่างจริงจัง ได้อย่างไร

ดิฉันเป็นห่วงภาพลักษณ์ประเทศ ค่ะเกรงว่า ประชาคมโลกอาจจะตั้งคำถามถึงรัฐบาลไทยว่า ไม่กล้าปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ สแกมเมอร์ ภัยไซเบอร์ เพราะเหตุอันใดเพราะความไร้การแสดงออกถึงท่าทีต่อปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมของผู้นำ อาจสะท้อนถึงความไม่จริงจังและจริงใจของผู้นำประเทศในการจัดการปัญหาเรื้อรังเหล่านี้ในสายตาของนานาประเทศและประเทศคู่ขัดแย้ง

 

 

“ทำไม่เป็น : ประชามติยกเลิก MOU ไม่มีการประชาสัมพันธ์ข้อเท็จจริง”

 

ท่านประธานคะอีกประการสำคัญ คำแถลงนโยบายของรัฐบาลนายกฯ อนุทิน ที่ระบุว่า จะมีการ “ทำประชามติ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพิจารณาตัดสินใจ ให้ความเห็นต่อการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างไทยกัมพูชา” โดยไม่มีการระบุถึงแนวทางในการประชาสัมพันธ์ข้อเท็จจริง ถึงข้อดี ข้อเสียของ MOU เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า

 

 

รัฐบาล จงใจ หรือ “ทำไม่เป็น” กันแน่

ท่านนายกฯ คะ อคติทางการเมือง และความเชื่อที่ไม่มีมูลความจริง ขออย่าให้เอามาเป็น “ธง” ในการยกเลิก MOU เพราะจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศในระยะยาวอย่างแน่นอนค่ะเพราะที่ผ่านมา ข้าราชการของกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพฯ โดยเจ้ากรมแผนที่ทหาร กระทรวงมหาดไทย ได้พยายามพูดถึงข้อดี และความจำเป็นของการมีอยู่ของ MOU มาโดยตลอด เช่น

MOU เป็นเพียงกรอบการเจรจา ไม่ได้ทำให้เสียดินแดนการยกเลิก MOU จะยกเลิกฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องกระทำทั้ง 2 ฝ่าย จึงจะมีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศ

จุดประสงค์ของ MOU 43 คือต้องการทำแผนที่ใหม่ร่วมกัน เพื่อ “ฆ่า” แผนที่ 1:200,000 ที่ไทยไม่ยอมรับการยกเลิก MOU ในตอนนี้ จะทำให้ไทยเสียเปรียบ และเข้าทางกัมพูชาที่เลี่ยงโต๊ะเจรจาทวิภาคีซึ่งประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนก็ได้ใช้ MOU43 ในการอยู่ร่วมกันมาโดยตลอด

ท่านประธานคะ หากท่านนายกฯจริงใจในการเดินหน้าเรื่องประชามตินี้อย่างโปร่งใส ที่ไม่ใช่เป็นการเอาอคติ มานำสติ ท่านก็ควรนำข้อเท็จจริง มาประชาสัมพันธ์ เพื่อแยกแยะให้สังคมเห็นระหว่าง FACT กับ FICTION ผลดีและผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับประเทศก่อนจะให้ประชาชนตัดสินใจลงมติ แทนการชี้นำและชักจูงโดยใคร

 

 

เพราะเป็นที่อดแปลกใจไม่ได้ว่า เหตุใดหลังคำประกาศของผู้นำจิตวิญญาณของกัมพูชาที่ต้องการยกเลิก MOU 43 เมื่อ วันที่ 2 มิถุนายน 2568 และหลังจากนั้นเพียง 1 เดือน

พรรคของท่านนายกฯเองก็มีการเสนอญัตติด่วนในสภาให้ยกเลิกข้อตกลง MOU ระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย จนไม่แน่ใจว่านโยบายต่างประเทศของรัฐบาลท่านนั้นถูกกำหนดที่บุรีรัมย์ หรือ ที่พนมเปญ

 

"ศรีญาดา" สงสัยทำไมหลังผู้นำกัมพูชา เรียกร้องยกเลิก MOU43 เพียง 1 เดือน ภท.ก็ชงสภายกเลิก MOU43

 

"ศรีญาดา" สงสัยทำไมหลังผู้นำกัมพูชา เรียกร้องยกเลิก MOU43 เพียง 1 เดือน ภท.ก็ชงสภายกเลิก MOU43

 

"ศรีญาดา" สงสัยทำไมหลังผู้นำกัมพูชา เรียกร้องยกเลิก MOU43 เพียง 1 เดือน ภท.ก็ชงสภายกเลิก MOU43

 

"ศรีญาดา" สงสัยทำไมหลังผู้นำกัมพูชา เรียกร้องยกเลิก MOU43 เพียง 1 เดือน ภท.ก็ชงสภายกเลิก MOU43

 

"ศรีญาดา" สงสัยทำไมหลังผู้นำกัมพูชา เรียกร้องยกเลิก MOU43 เพียง 1 เดือน ภท.ก็ชงสภายกเลิก MOU43

 

"ศรีญาดา" สงสัยทำไมหลังผู้นำกัมพูชา เรียกร้องยกเลิก MOU43 เพียง 1 เดือน ภท.ก็ชงสภายกเลิก MOU43

 

"ศรีญาดา" สงสัยทำไมหลังผู้นำกัมพูชา เรียกร้องยกเลิก MOU43 เพียง 1 เดือน ภท.ก็ชงสภายกเลิก MOU43

 

"ศรีญาดา" สงสัยทำไมหลังผู้นำกัมพูชา เรียกร้องยกเลิก MOU43 เพียง 1 เดือน ภท.ก็ชงสภายกเลิก MOU43

 

"ศรีญาดา" สงสัยทำไมหลังผู้นำกัมพูชา เรียกร้องยกเลิก MOU43 เพียง 1 เดือน ภท.ก็ชงสภายกเลิก MOU43

 

"ศรีญาดา" สงสัยทำไมหลังผู้นำกัมพูชา เรียกร้องยกเลิก MOU43 เพียง 1 เดือน ภท.ก็ชงสภายกเลิก MOU43

 

"ศรีญาดา" สงสัยทำไมหลังผู้นำกัมพูชา เรียกร้องยกเลิก MOU43 เพียง 1 เดือน ภท.ก็ชงสภายกเลิก MOU43

 

"ศรีญาดา" สงสัยทำไมหลังผู้นำกัมพูชา เรียกร้องยกเลิก MOU43 เพียง 1 เดือน ภท.ก็ชงสภายกเลิก MOU43

 

"ศรีญาดา" สงสัยทำไมหลังผู้นำกัมพูชา เรียกร้องยกเลิก MOU43 เพียง 1 เดือน ภท.ก็ชงสภายกเลิก MOU43

 

 

 

ท่านประธานคะสุดท้ายนี้ ดิฉันอยากเห็น นโยบายความมั่นคงและการต่างประเทศที่มีวิสัยทัศน์ ท่าทีผู้นำรัฐบาลต้องชัด จุดยืนประเทศต้องมียุทธศาสตร์เชิงรุกและมั่นคง

ในขณะที่มีสงครามการค้า สงครามอาวุธ สงคราม AI เราไม่มีเวลาเอาการเมืองภายในประเทศ มาบั่นทอนภาพลักษณ์ของไทยในสายตาชาวโลก อย่าเอาวาทกรรมทางการเมือง มาสร้างกระแสชาตินิยม จนเป็นกลายกระแสคลั่งชาติ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง เสมือนที่เพื่อนบ้านใช้อยู่

วันนี้ปัญหาระหว่างประเทศรุมเร้า แต่ “อำนาจ และเงิน” กลับกลายเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งภายในประเทศไทยที่มีจุดแข็ง กลับอ่อนแอเพราะมัวแต่ช่วงชิงอำนาจทางการเมือง

ดิฉันอยากขอฝากท่านประธานไปถึงท่านนายกว่า ไม่มีคนประเทศไหน จะเห็นผลประโยชน์ของประเทศไทย สำคัญสูงสุดเท่ากับคนไทยด้วยกันเองนโยบายความมั่นคงและการต่างประเทศ ต้องใช้การทูต นำการทหาร แต่เข้มแข็งในจุดยืน ทุกก้าวย่างที่เดิน ต้องเดินอย่างมียุทธศาสตร์ในการเมืองระหว่างประเทศ เพื่อความสงบ สันติ การกินดีอยู่ดี และคืนบทบาทการนำของไทยในเวทีโลกอีกครั้ง

 

 

ดูคลิป