
12 กันยายน 2568 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ คณะ สว.สำรอง
นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เดินทางเข้ามอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568
กรณีความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) รวมถึงผู้ที่เป็นสมาชิกอั้งยี่และผู้สนับสนุน หรือคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. ในการปฏิบัติหน้าที่สอบสวนคดีและดำเนินคดีให้สุดทาง
โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้แทนรับมอบ
นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล ตัวแทนคณะ สว.สำรอง กล่าวว่า วันนี้คณะสมาชิกวุฒิสภา (สว.) สำรองและภาคประชาชนต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น 4 ภาค ได้มารวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในการปฎิบัติหน้าที่ในเรื่องของคดีฟอกเงิน-อั้งยี่ สว. ขอให้ดำเนินการต่อได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวอะไร วันนี้เรามาเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน และทราบว่าในเร็ว ๆ นี้คงจะมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนใหม่เข้ามาทำงาน แต่ว่าภาคประชาชนและคณะสมาชิกวุฒิสภาสำรองก็มี
ความกังวลใจว่าเรื่องนี้อาจจะทำให้คดีโกงเลือกตั้ง สว. คดีอั้งยี่-ฟอกเงิน อาจมีกลุ่มบุคคลหรือคณะบุคคลใดบุคคลหนึ่งใช้อำนาจเข้ามาก้าวก่ายแทรกแซง อาจจะทำให้เรื่องมันเงียบหายไปจากสังคม ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่ไปทำให้การปกครองประเทศไม่ว่าจะเป็นการเมืองต่าง ๆ มีผลกระทบอย่างต่อเนื่อง เราก็เป็นห่วงว่าถ้ามีการแทรกแซงก้าวก่ายขึ้นมาเรื่องมันก็จะเงียบหาย และความจริงข้อเท็จจริงต่างๆ มันอาจจะไม่ปรากฏให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศได้รับรู้รับทราบว่าการโกงเลือกตั้ง สว. คดีอั้งยี่-ฟอกเงิน มันมีจริงหรือไม่ ซึ่งก็คงจะได้ทราบว่าคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ได้มีหมายเรียกชุดที่ 7 เรียกผู้ที่ถูกกล่าวหาไปรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งหนึ่งในนั้นมีหนังสือเรียกของ กกต. ที่มีชื่อของนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
แล้วก็มีความกังวลว่าในการแถลงข่าวของนายกรัฐมนตรีว่าจะให้เรื่องราวเหล่านี้เป็นไปตามกฏหมาย แต่เราก็ยังมีความกังวลใจ ว่าคำว่าตามกฏหมายที่บ้านเรามันยังมีจริงหรือไม่ หรือว่าเรื่องทุกเรื่องเป็นอภิสิทธิ์ชน และเป็นของผู้มีอำนาจ เพราะหลายเรื่องที่เกิดขึ้นที่ทำให้เรามีความกังวลใจก็คือไม่ว่าจะเป็นคดีเรื่องเขากระโดง
ซึ่งก่อนหน้านั้นเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ก็ยังเพิกเฉย หรือไม่สามารถที่จะทำให้คดีเขากระโดดสำเร็จได้ทั้งที่จริงศาลฎีกาตัดสินเป็นที่สุดแล้ว แต่กลับปล่อยปละละเลยไม่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปฎิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา
นายอัครวัฒน์ กล่าวอีกว่า เรามีความกังวลใจเลยเดินทางมาให้กำลังใจกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าขอให้เข้มแข็งและยึดมั่นในข้อกฎหมาย ให้มีความตรงไปตรงมา มีความสุจริตเที่ยงธรรม ไม่ต้องไปกังวลหรือเกรงกลัวกับอะไรทั้งสิ้น กฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์ ถ้ากฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ จะนำไปสู่ความเสียหายให้กับประเทศชาติได้ จึงขอฝากสื่อมวลชนและประชาชนที่อยู่ทางบ้านช่วยกันทำความจริงเรื่องนี้ให้ปรากฏกับพี่น้องประชาชนให้รับทราบโดยเร็ว
และในฐานะคณะสมาชิกวุฒิสภาสำรองที่มีหน้าที่กลั่นกรองกฎหมายและตรวจสอบฝ่ายบริหาร และในนามของกลุ่มพี่น้องประชาชนต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น 4 ภาค หากมันมีการเข้ามาก้าวก่ายแทรกแซง ไปยื้อ ไปประวิงเวลา หรือไปเตะถ่วง หรือทำให้คดีนี้เป็นมวยล้มต้มคนดู เราก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายสนับสนุนและให้กำลังใจและจะต่อสู้เพื่อทวงคืนความสุจริตเที่ยงธรรมให้กับข้าราชการดี ๆ
ข้าราชการน้ำดีทุกองค์กรที่พยายามต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ไม่เห็นแก่อมิสสินจ้าง ไม่เห็นแก่อำนาจ หรืออะไรที่อยู่นอกเหนือกฎหมาย เพราะกฎหมายต้องมีความเป็นธรรมเพื่อประโยชน์ของประชาชนคนไทยทั่วประเทศ เราจะต่อสู้เพื่อข้าราชการที่ดี
นายอัครวัฒน์ กล่าวถึง เอกสารที่ กกต. ได้ส่งถึงอธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอรับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 3 ราย ไปร่วมเป็นคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องแปลกเพราะก่อนหน้านี้ดีเอสไอพยายามจะยื่นมือเข้าไปช่วย แต่ กกต. กลับบ่ายเบี่ยง และยังมี กลุ่ม สว. ที่ถูกข้อกล่าวหาพยายามที่จะสกัดกั้นไม่ให้ดีเอสไอเข้าไปมีส่วนร่วมทำในคดีเลือก สว. แต่พอไปเห็นถึงความสามารถความเชี่ยวชาญของบุคลากรที่มีคุณภาพของดีเอสไอ
จึงมาขอให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยงาน กลับกันพวกเรามองว่ามันเป็นเกมการประวิงเวลาหรือไม่ เพราะเมื่อครั้งที่คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ดำเนินการกับสำนวน มันเสร็จสิ้นมานานแล้ว เป็นเวลาร่วม 2 เดือนแล้ว สำนวนก็ยังไม่เดินทางไปถึงไหน แทนที่ กกต. จะรีบสรุปสำนวนส่งศาลฎีกาฯ ให้ สว. ที่ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ กลับเป็นว่ายังมีการพยายามที่จะตั้งองค์กรอีกองค์กรหนึ่งขึ้นมา เพื่อตรวจสอบเรื่องราวให้มันซับซ้อนยุ่งยากขึ้นเพื่อให้งานนี้ส่งผลไปให้สมาชิกวุฒิสภาที่มีคดีความอยู่ได้ไปเลือกองค์กรอิสระให้ได้ตามใจตามที่วางเป้าหมายไว้หรือไม่ เราจะร่วมมือกับดีเอสไอในการเปิดเผยความจริงให้ได้และไม่ทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศผิดหวัง
ขณะที่ พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เผยว่า ในวันอังคารที่ 16 ก.ย. เราจะมีการเดินทางไปที่พรรคประชาชน เพื่อไปร้องขอต่อกรรมการบริหารพรรค และหัวหน้าพรรค ให้ช่วยติดตามเรื่องนี้ เพราะถือว่าพรรคประชาชนนั้นเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ทางการเมืองพลิกผัน จนส่งผลให้กลุ่มคนที่ถูกกล่าวหาขึ้นมามีอำนาจทางการเมือง ซึ่งอาจจะมาแทรกแซงคดี ดังนั้น พรรคประชาชนก็ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย และจริง ๆ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของการดำเนินคดีการโกงฮั้ว สว. และที่มันเดินทางมาถึงจุดนี้
ต้องเรียนว่ามันเป็นจุดหักเหเหมือนกัน จากเดิมที่เราเห็นว่าทางคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และ กกต. เดินหน้าอย่างเต็มที่ แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก็คาดว่าจะมีส่วนที่จะทำให้ในเรื่องของการดำเนินคดี สว. จะมีโอกาสถูกแทรกแซง เพราะผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นทั้งหัวหน้ารัฐบาล และบางคนยังได้รับการวางตัวเป็นรัฐมนตรีด้วย ซึ่งก็อยู่ในข่ายของผู้ถูกกล่าวหาในเรื่องนี้ ก็คงจะต้องเข้ามาดำเนินการหรือแทรกแซงในเรื่องนี้ได้
การฮั้ว สว. ครั้งนี้มันมีการกระทำความผิดจริง มีผู้เกี่ยวข้องมากหน้าหลายตาตามที่ปรากฏออกมา เราอยากให้กระบวนการทางกฎหมายได้ดำเนินการกับผู้ที่กระทำความผิดมาลงโทษ หรือมาตีแผ่ความจริง อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของการร้องเรียนคดีนี้ ยอมรับว่า 25%
คือพวกตนก็อยากเป็น สว.ตัวจริง แต่ 25% ก็คืออยากให้กระบวนการกฎหมายบ้านเมืองเป็นไปอย่างถูกต้อง อยากให้เกิดการตีแผ่ความจริงและเอาคนผิดมาลงโทษ ส่วนอีก 50% คือ
กลัวว่าจะมีกลุ่มคนที่มาฮุบอำนาจนิติบัญญัติและจะมาครอบงำประเทศชาติด้วยการเลือกองค์กรอิสระ หากพวกนี้ทำสำเร็จ ก็จะส่งผลกระทบต่อการเมืองประเทศชาติ ไม่ต่างอะไรจากการปฏิวัติรัฐประหาร ทำให้ประชาธิปไตยของประเทศชาติไม่สมบูรณ์และบิดเบี้ยว
ดูคลิป