
9 กันยายน 2568 นายสมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีโผครม.ของรัฐบาลอนุทิน 1 ที่มีการปรากฎรายชื่อบุคคลต่างๆ ในส่วน โควตารัฐมนตรีคนนอก จำนวนหลายราย โดย นายสมหมาย ระบุว่า
เพิ่งเห็นรัฐมนตรีที่เข้าท่าน่าชื่นชมในยุครัฐบาลท่านนายกอนุทิน โดยสมหมาย ภาษี
หลังจากที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้ง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของไทย ซึ่งเป็นนักการเมืองที่ถือว่า มีความโชกโชนคนหนึ่งในขณะนี้ เมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา ในวันที่ 9 นี้ ก็ได้เห็นหน้าตาของคณะรัฐมนตรี ที่จะได้รับการพิจารณานำรายชื่อขึ้นทูลเกล้า ของท่านนายกรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย
ก่อนอื่นผมต้องขอชื่นชมความใจกว้าง ของท่านนายกรัฐมนตรี ที่มาจากการเลือกตั้งคนนี้ ที่ได้เสียสละโควตารัฐมนตรีของพรรคตัวเอง มาให้คนนอกหลายตำแหน่ง มากกว่าที่พรรคการเมืองไทย ทั่วไปเคยทำกันมาอย่างชาชิน
ความชื่นชมของผมหมายถึง การได้เห็นพรรคการเมือง ที่ได้แสดงให้เห็นการสรรหารัฐมนตรีน้ำดีจากนอกพรรค มาช่วยบริหารประเทศ แตกต่างจากพรรคการเมืองไทยโดยทั่วไป ที่คิดแต่จะตั้งพวกพ้องที่สนิทชิดเชื้อ ลูกน้องที่ใจกว้างรู้จักกินแบ่งให้นาย หรือให้พรรคเป็นหลัก ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่ ที่มีงบประมาณมาก หรือที่มีดีลที่เป็นเงินเป็นทองมาก เป็นต้น
ในอดีตประมาณ 50 ปีมาแล้ว เคยมีพรรคการเมืองหลายพรรคร่วมกันตั้งรัฐบาล แต่พร้อมใจมอบอำนาจตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ให้กับนายทหารใหญ่เป็นผู้นำ ผมเองมีโอกาสเห็นการทำงานของท่านใกล้ชิดในตอนนั้น ท่านเริ่มตั้ง ครม. ด้วยการคัดเลือกคนนอกพรรคที่มีความสามารถ ที่ท่านเห็นว่าต้องจัดมาคุมกระทรวงสำคัญๆ เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลด้านพลังงาน และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลด้านกฎหมาย นายกรัฐมนตรีท่านนั้น คือ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ หรือ “ป๋าเปรม” ที่หลังพ้นหน้าที่แล้วได้รับการโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นประธานองคมนตรี และต่อมาก็ได้รับการเชิดชูเป็นรัฐบุรุษอีกด้วย
ผมสงสัยว่า ท่านนายกอนุทิน ไปลอกเลียนแบบการตั้ง ครม. ของป๋าเปรมได้อย่างไร เพราะตอนนั้นท่านนายกคนที่ 32 นี้ อายุยังไม่ถึง 10 ขวบ!
สำหรับท่านรัฐมนตรีคนนอก ที่กำลังจะได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี ของรัฐบาลชุดที่กำลังออกมาสู่สายตาของคนไทยในขณะนี้ รัฐมนตรีคนที่ผมรู้จักดีและการันตีได้ว่ามือดี รักชาติ และมือสะอาดแน่ เช่น ท่านบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่จะเข้ามารับหน้าที่ดูแลด้านกฎหมาย ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ที่ยังเหลืออายุราชการในกระทรวงการคลังถึง 6 ปี ที่ลาออกมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ ที่ลาออกจากตำแหน่งใหญ่มากของเครือดุสิตธานี มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ผมต้องขอชื่นชมท่านทั้งสามนี้ ที่ยอมเสียสละอย่างมาก มาทำงานสำคัญให้ชาติ รับเงินเดือนต่ำต้อยไม่กี่เดือน ทั้งๆ ที่รู้ว่าตามกฎหมายเฉิ่มๆ ของไทยที่ได้กำหนดว่า เมื่อออกไปแล้ว จะไปเป็นกรรมการหรือผู้บริหารใหญ่ๆ ในภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้องจะต้องรอนั่งตบยุง และขอเงินคู่สมรสใช้ไปถึง 2 ปี
นอกจากที่กล่าวข้างต้น รัฐมนตรีมือดีๆ มีประสบการณ์สูง ไม่เคยด่างพร้อย คนอื่นที่ไม่ใช่นักการเมืองก็มีอีก เช่น คุณอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ อดีต CEO ปตท. จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน คุณสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตปลัดกระทรวงต่างประเทศ จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เป็นต้น
เมื่อทัศนคติและวิสัยทัศน์ของนักการเมืองใหญ่ของไทย เปลี่ยนไปให้เห็นชัดมากในครั้งนี้ ดูเสมือนว่าเป็นการปรับวัฒนธรรมการเมืองของไทย ที่ยึดประชาธิปไตยแต่ปากให้ดีขึ้น พร้อมๆ กับข่าวอดีตนายกรัฐมนตรีชื่อดังของไทย ถูกศาลตัดสินในวันนี้ให้จำคุก 1 ปี ก็คาดหวังได้ว่า อย่างน้อยคงสามารถช่วยขัดเกลาธรรมาภิบาล ด้านการเมืองที่สนิมจับเขรอะของเรา ให้เปล่งประกายออกมา ให้นานาประเทศเขาหยุดดูถูกเราได้ระดับหนึ่งแน่