svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

กองทัพไทย โต้เดือด "ปมลวดหนามชายแดน" กัมพูชา หนุนชาวบ้านมาก่อกวนหวังผล

กองทัพบก ซัด "กัมพูชา" บิดเบือนให้ร้ายไทย ปมรุกล้ำบ้านหนองจาน หนุนตั้งชุมชนเขตอธิปไตยไทย ผิดข้อตกลง MOU 43 ชัดเจน แถมก่อกวนถ่ายคลิปหวังฟ้องชาวโลก

27 สิงหาคม 2568 จากกรณีที่ สำนักข่าว Fresh News รายงานว่า นายชุม ซอนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชา–ไทย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 ส.ค. 2568 เวลา 16.00 น. โดยระบุว่า ฝ่ายไทยได้ละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา และละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการวางลวดหนามรุกล้ำพื้นที่บ้านเรือน และที่ดินของประชาชนในหมู่บ้านโจกเจย ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งสะท้อนถึงฝ่ายไทยได้ขยายพื้นที่ความขัดแย้งเข้ามาสู่เขตชุมชนพลเรือน

และจากการประชุม GBC เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2568 มีบันทึกความเข้าใจ 13 ข้อ ระบุว่าจะไม่มีการดำเนินการใดๆ ที่เป็นการยั่วยุ และจะหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น รวมถึงตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 ห้ามการดำเนินการใดๆ ที่อาจเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในพื้นที่ชายแดน

กองทัพไทย โต้เดือด "ปมลวดหนามชายแดน" กัมพูชา หนุนชาวบ้านมาก่อกวนหวังผล

ล่าสุด พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ออกมาตอบโต้ว่า ในการวางลวดหนาม เพื่อป้องกันตนเองของฝ่ายไทย เกิดจากการถูกคุกคามด้วยอาวุธทุ่นระเบิดจากฝ่ายกัมพูชา ถือเป็นความตั้งใจที่จะละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา ซึ่งขอยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวอยู่ในเขตอธิปไตยไทยทั้งสิ้น และจากการปฏิบัติดังกล่าวยืนยันว่าไม่ได้เป็นการรุกล้ำพื้นที่บ้านเรือน และที่ดินของประชาชนในหมู่บ้านโจกเจยของฝ่ายกัมพูชา แต่กลับเป็นฝ่ายกัมพูชาที่สนับสนุนให้ประชาชนกัมพูชามารุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนไทย

โดยเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านหนองจานนั้น คือการที่ฝ่ายกัมพูชาได้สนับสนุนให้มีการตั้งชุมชนรุกล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งถือว่าผิดข้อตกลงตาม MOU 43 จนทำให้ประชาชนไทยได้รับความเดือดร้อน แม้ฝ่ายไทยได้มีการประท้วงไปตามขั้นตอน แต่ก็ไม่เคยได้รับการแก้ไขจากฝ่ายกัมพูชา

รวมถึงลักษณะดังกล่าว ไม่ได้เป็นการขยายพื้นที่ความขัดแย้งเข้ามาสู่เขตชุมชนพลเรือน เพราะบริเวณพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่มีความขัดแย้งอยู่เดิม และเกิดขึ้นมานานกว่า 20 ปี โดยฝ่ายไทยได้ใช้แนวทางแก้ไขด้วยการประท้วงตามเงื่อนไขข้อตกลง MOU 43 มาโดยตลอด แต่ฝ่ายกัมพูชากลับเพิกเฉย

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก

อีกทั้งตามบันทึกความเข้าใจ MOU 43 ที่ห้ามไม่ให้ดำเนินการใดๆ ที่อาจเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในพื้นที่ชายแดนนั้น ไม่ใช่ฝ่ายไทยที่เป็นผู้ละเมิด แต่เป็นฝ่ายกัมพูชาที่มีการก่อสร้างเพิ่มเติมทั้งในส่วนของบ้านเรือนประชาชน และอาคารพักพิงของทหารกัมพูชา ดังนั้น ข้อกล่าวอ้างของกัมพูชาที่กล่าวหาว่าไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และละเมิด MOU 43 ล้วนเป็นเรื่องบิดเบือนที่กัมพูชาพยายามให้ร้ายฝ่ายไทย และบิดเบือนข่าวสาร ซึ่งนับเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงด้วยเช่นกัน

"จนกระทั่งล่าสุดจากการที่ฝ่ายไทยพยายามวางลวดหนาม เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับคณะสำรวจที่ดินฝ่ายไทย ทางฝ่ายกัมพูชาได้สนับสนุนให้ประชาชนเข้ามาก่อกวน แสดงออกในท่าทีที่ก้าวร้าว อาจมุ่งหวังให้ไทยเพลี่ยงพล้ำ ไปใช้ความรุนแรงตอบโต้ แล้วแอบเก็บบันทึกภาพไปฟ้องชาวโลก แต่เนื่องจากฝ่ายไทยได้รู้เท่าทัน อาศัยความอดทนอดกลั้น จึงอาจทำให้สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาตั้งใจไว้นั้นไม่บรรลุผลได้ตามที่ต้องการ"