
23 สิงหาคม 2568 สื่อกัมพูชา "ขแมร์ ไทม์ส" (Khmer Times) รายงานว่า ฮุน เซน ได้โพสต์บนเฟซบุ๊กล่าสุด อ้างว่า เขาทิ้งใบปริญญาบัตรจากมหาวิทยาลัยไทยทั้ง 3 ใบ ไปนานแล้ว เพราะไม่มีค่าที่จะเก็บเอาไว้ โดยอวดว่า เขาประสบความสำเร็จได้เป็นนายกฯ กัมพูชา ตั้งแต่ก่อนจะได้รับปริญญาพวกนี้ แต่สถาบันเหล่านี้ ยัดเยียดให้เขาเอง
.
การโพสต์อย่างดุเดือดของฮุน เซน มีขึ้นหลังจากมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ออกประกาศ เรื่อง "เพิกถอนปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น" ของ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ตามมติเอกฉันท์ของที่ประชุมสภามหาวิทยาลัย ครั้งที่ 8/2568 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568
โพสต์ของฮุน เซน ระบุว่า "ผมขอตอบให้ชัดเจนเลยนะ ผมทิ้งปริญญาบัตรทั้ง 3 ใบ จากสถาบันไทยที่เคยมอบให้ผมเมื่อนานมาแล้ว ประกาศนียบัตรเหล่านั้นไม่มีค่าสำหรับผมเลยและไม่คุ้มค่าที่จะเก็บรักษาไว้ด้วย"
เขาร่ายยาวต่อมาว่า "ปริญญาบัตรใบแรกผมได้รับในปี พ.ศ. 2544 ใบที่สองในปี พ.ศ. 2549 และใบที่สามในปี พ.ศ. 2562 ผมไม่ได้ภาคภูมิใจในกระดาษแผ่นเดียวของสถาบันของคุณเลย
สติปัญญาและความรู้ของผมไม่ได้เกิดจากใบปริญญาหรือมหาวิทยาลัยของคุณ แต่เกิดจากคนกัมพูชาและโรงเรียนในกัมพูชาที่ให้การศึกษาแก่ผม" เขาย้ำอีกว่า "ขอชี้แจงให้ชัดเจนว่า หากคุณลองพิจารณาช่วงเวลาที่คุณมอบปริญญาบัตรเหล่านั้นให้ผม (ซึ่งผมไม่เคยขอจากคุณ) แล้วเปรียบเทียบกับช่วงเวลาที่ผมรับใช้ชาติ จะเห็นชัดว่าประกาศนียบัตรของคุณไม่ได้มีส่วนช่วยใดๆ ต่อความสำเร็จของผมเลย
และ ใบปริญญาบัตรเหล่านั้น ผมได้รับหลังจากที่ผมบรรลุเป้าหมายสำคัญในชีวิตไปแล้ว ซึ่งก็คือ ในปี พ.ศ. 2522 ตอนอายุ 27 ปี ผมได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในปี พ.ศ. 2524 ตอนอายุ 29 ปี ผมได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในปี พ.ศ. 2528 ตอนอายุ 32 ปี ผมได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี"
เขาทิ้งท้าย "ผมเชื่อว่าคุณน่าจะรู้สึกละอายใจ ถ้าได้ย้อนไปทบทวนการประเมินคุณวุฒิของผมอีกครั้ง ตอนที่คุณขอให้ผมรับปริญญาของคุณ ผมจะให้เจ้าหน้าที่ของผมเผยแพร่ผลการประเมินคุณวุฒิของผม เพื่อที่คุณจะได้ไม่ลืม คุณเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ และผมอยากจะเตือนความจำคุณว่า คุณเป็นคนที่ขอให้ผมรับปริญญาเหล่านั้น พร้อมกับคำยกย่องอย่างเป็นทางการ การตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่รับนั้น ขึ้นอยู่กับผมโดยสิ้นเชิง และผมไม่เคยมองสิ่งต่างๆ อย่างงมงาย"
อาการเดือดจัดของฮุน เซน มีขึ้นในขณะที่เริ่มมีกระแสต่อต้านเงียบบ้างต่อตัวเขาในกัมพูชา แม้เขาจะจัดการกับพวกที่ต่อต้านอย่างเด็ดขาดจนต้องร้องขอชีวิต หรือไม่เหลือที่ยืน แต่ก็ยังมีออกมา เช่น ล่าสุด มีการเผยแพร่ภาพคนดัง พร้อมกับคำบรรยายว่า "ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนในประวัติศาสตร์เขมร ที่เราเสียดินแดน มากเท่ากับยุคของเตโชธิบดี (ฮุน เซน)"
ส่วนพวกหมอดูบางคน ก็บอกว่า การยกตัวเองขึ้นเป็น "เตโช" ของฮุน เซน เป็นภัยต่อบ้านเมือง "เพราะดวงเมืองของกัมพูชา เป็นธาตุน้ำ แต่เตโช แปลว่า "ดังนั้น ถ้าฮุน เซน ยังปกครองกัมพูชา บ้านเมืองไม่มีทางสงบสุข เพราะเขาจะสรรหาไฟมาสุมให้ตลอดเวลา"