
คดี ม.112 ของอดีตนายกฯทักษิณ เป็น 1 ใน 3 คดีที่รุมเร้า “สองพ่อลูกชินวัตร” ซึ่งรู้กันดีว่า เป็นนายกฯตัวจริง และนายกฯหน้าฉากของประเทศไทยอยู่ในขณะนี้
กูรูการเมืองหลายคนมองทั้ง 3 คดีเป็นแพ็กเดียวกัน เพราะเชื่อเรื่อง “ดีลลับกลับไทย” ของอดีตนายกฯ ในวันนี้เมื่อ 2 ปีก่อน (22 สิงหาคม 2566) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผลมาจาก “ดีลลับลังกาวี” และทำให้การเมืองไทยอยู่ในภาวะ “ผิดปกติ” มาตลอดจนถึงปัจจุบัน แม้แต่มีสถานการณ์สงคราม ก็ยังไม่ยอมตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นี่คือตัวอย่างของความไม่ปกติ
ฉะนั้นหากเชื่อว่า “ดีลลับกลับไทย” มีจริง และยังมี “คนกำกับดีล” คอยบังคับวิถีให้ทุกอย่าง “ไม่ผิดดีล” ก็น่าคิดว่า คดีแต่ละคดีน่าจะเป็นการ “พิสูจน์ดีล” ไปด้วยนั่นเอง
จึงมีกระแสข่าวมาตลอดว่า หากอดีตนายกฯทักษิณรอดคดี 112 ก็น่าจะมีความมั่นใจมากขึ้น และคงให้ลูกสาว “ลุยไฟ” ไปฟังคำวินิจฉัยคดีคลิปเสียงฮุนเซน เพราะอดีตนายกฯทักษิณก็ย้ำทุกเวที ทุกวงสนทนา และกับทุกคนที่ได้คุยด้วยว่า “รอดแน่นอน - ไม่มีปัญหาแน่ๆ”
และหากทิศทางแนวโน้มทุกอย่างไปเป็นตามที่คิด คดีที่น่ากังวลที่สุด ก็จะเป็นคดีชั้น 14 ซึ่งองค์คณะไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำสั่ง วันที่ 9 กันยายน 2568 ซึ่งอดีตนายกฯทักษิณ เชื่อว่า เลวร้ายที่สุดที่ตนต้องเจอ คือ องค์คณะของศาลชี้ว่า การย้ายตัวเขาไปพำนักที่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยระเบียบกฎหมาย แต่ผู้ที่ต้องรับผิดชอบคือ “ข้าราชการ” ไม่ใช่ตัวอดีตนายกฯในฐานะผู้รับผลของการกระทำ
แต่นั่นคือการประเมินในแง่บวกจากทั้งฝั่งคุณทักษิณและพวกเท่านั้น เพราะฝ่ายที่อยู่ตรงกันข้ามทางการเมือง ก็เห็นว่า มีโอกาสสูงที่อดีตของ “สองพ่อลูก” จะรอด 1 และร่วง 2
นั่นก็คือ คดีที่รอด ได้แก่คดี ม.112 ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับ “ดีลลับ” แต่เป็นเพราะพยานหลักฐานไม่ขัดเจน ฝ่ายโจทก์ ผู้ฟ้อง ไม่สามารถหาคลิปฉบับเต็มมายืนยันได้ และคำพูดของอดีตนายกฯก็ไม่ชัดเจนว่าหมายถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งข้อเท็จจริงเหล่านี้เป็นที่รู้กันใน “วงใน” อยู่แล้ว
ส่วนคดีนายกฯแพทองธาร เชื่อกันว่า “ไม่น่ารอด” เพราะหากปล่อยให้ทำหน้าที่ต่อไป จะเกิดวิกฤตศรัทธาต่อรัฐบาลหนักขึ้นไปอีก รวมถึงจะส่งผลต่อกระบวนการยุติธรรม และความรู้สึกชาตินิยมของพี่น้องประชาชนด้วย
เช่นเดียวกับคดีชั้น 14 ฝ่ายที่อยู่กลางๆ และฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ก็ประเมินว่าไม่น่ารอด ส่วนจะถึงขั้นถูกสั่งให้กลับไปติดคุกใหม่หรือไม่ ต้องรอลุ้นฟังคำสั่ง แต่มีการส่งสัญญาณถึงขนาดว่า การจะเดินลอยชายกลับบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั้น ไม่น่ามีจริง
ข้อวิเคราะห์นี้ตรงกับ คุณเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.ประชาธิปัตย์ ซึ่งผันตัวเป็นนักวิเคราะห์ทางการเมือง ซึ่งเชื่อว่าคดีของสองพ่อลูก จะ “รอด 1 ร่วง 2”
แนววิเคราะห์ที่ว่านี้ยังตรงกับ “ทีมยุทธศาสตร์” ของพรรคสีแดง ที่ประเมินกันวงในว่า คดีนายกฯอิ๊งค์ ตัวเลขจริงๆ ยังอยู่ที่ 7 ต่อ 2 คือ ไม่รอด ส่วนตัวเลข 5 ต่อ 4 เป็นตัวเลขเป้าหมาย ยังต้องลุ้นกันรายวัน รายชั่วโมง
ส่วนคดีชั้น 14 ดูจากทิศทางลม และผลกระทบที่จะเกิดกับหลักนิติธรรมของประเทศ ตลอดจนความเหลื่อมล้ำทางความยุติธรรมในบ้านเมืองแล้ว อาจทำให้ผลของคำสั่งที่ออกมา เป็นลบมากกว่าที่คิด
ด้วยเหตุนี้จึงมีข่าวล่าสุดจากพรรคเพื่อไทยว่า มีการเรียกประชุมระดับแกนๆ ของ “ วิปรัฐบาล” แจ้งข้อมูลทุกพรรคสแตนบายในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ห้ามออกนอกพื้นที่เด็ดขาด ให้รอฟังผลคดี อย่าเพิ่งกลับต่างจังหวัด และงดไปต่างประเทศ เพราะหากผลคดีออกมาเป็นลบ อาจมีการเชิญแกนนำเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าทันที เหมือนเมื่อครั้งคดีอดีตนายกฯเศรษฐา
ความเคลื่อนไหวที่ทำให้เห็นว่าเริ่มมี “คลื่นใต้น้ำ” ทำให้สถานการณ์ไม่นิ่ง ก็คือเริ่มมีการปล่อยชื่อ “คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกมาชิมลางเป็นนายกฯชั่วคราว ช่วงฝ่าวิกฤตไทย-กัมพูชา กลางกระแสรักชาติ เพื่อบรรเทาแรงกดดันของรัฐบาลเพื่อไทย หากต้องการต่อท่ออำนาจต่อไป
ขณะที่แวดวง “ขันต่อ” ข่าวล่าสุดออกมาว่า ราคารอด พุ่งขึ้น หลังจากเห็นภาพนายกฯชี้แจงศาล แล้วออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
แต่การที่รัฐบาลเร่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย และตำรวจ ซึ่งส่งผลต่อการเลือกตั้ง รวมถึงตั้ง “คณะทำงาน” แบบรัวๆ อีก 5-6 คณะ แก้หนี้ แก้ยาเสพติด ซึ่งเป็นแนวทางสร้างคะแนนนิยมทั้งสิ้นนั้น
เหล่านี้คือ “สัญญาเร่ง” เพราะนายกฯกำลังจะไม่รอด ใช่หรือไม่
ที่น่าสนใจก็คือ แม้นายกฯจะรอดคดี แต่ก็หนีไม่รอด 10 ปัญหาที่รุมเร้า
10 ทุกขลาภของรัฐบาลเเพทองธาร
1. ปัญหากัมพูชา
2. ปัญหาไฟใต้
3. ปัญหาสงครามกลางเมืองเมียนมา
4. ปัญหาภาษีทรัมป์ - ยังไม่นำเข้าขอความเห็นชอบจากรัฐสภา
5. ปัญหาเศรษฐกิจภายใน
6. ปัญหาสแกมเมอร์และการพนันออนไลน์
7. ปัญหายาเสพติด
8. ปัญหาเรื่องความเปลี่ยนแปลงของอากาศและมลพิษข้ามชาติ ถึงกรณีแม่น้ำกก
9. ปัญหาเสถียรภาพทางการเมือง
10.ปัญหาเกี่ยวกับการแข่งขันของรัฐอำนาจใหญ่
ไม่นับโจทย์สงคราม hybrid และสงคราม 6 โดเมน ที่เราเผชิญกับกัมพูชา