svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ที่แท้ “ศึก 2 สี” เดิมพันเก้าอี้คดี "นายกฯอิ๊งค์" ทนายตระกูล "การเมืองบุรีรัมย์" พรึ่บ!

ที่แท้ “ศึก 2 สี” เดิมพันเก้าอี้คดี "นายกฯอิ๊งค์" ทนายตระกูล "การเมืองบุรีรัมย์" พรึ่บ! ทนายเขากระโดง เคยนั่ง ปธ.อนุฯ รฟท. ส่อขัดมรรยาท?

22 สิงหาคม 2568 การถ่ายทอดภาพและเสียงจากในห้องพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ แม้จะไม่ตลอดเวลาของการไต่สวน แต่ทำให้มองเห็นภาพของคดีนี้ชัดขึ้น ว่าแท้ที่จริงแล้ว ทับซ้อนด้วยศึกการเมือง 2 สี คือ สีแดง กับ สีน้ำเงิน 

 

 

 

แน่นอน ฝ่ายนายกฯ เป็น “ฝ่ายสีแดง” จากพรรคเพื่อไทย 

 

 

นอกจากตัว นายกฯแพทองธาร ที่ไปขึ้นไต่สวนพยานด้วยตนเองแล้ว ยังมี คุณคณาพจน์ โจมฤทธิ์ เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนจุฬาฯ และเลขาฯคู่ใจ ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อเป็นนายกฯ คือ “หมอมิ้ง” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นอกจากนั้นก็มีทีมทนาย ไม่นับคุณสามีนายกฯ ที่ไปให้กำลังใจไม่ห่าง

 

ส่วนฝ่ายที่ขออนุญาตศาลเข้ารับฟังการไต่สวน บุคคลเด่นๆ ล้วนเป็นฝ่ายตรงข้ามนายกฯ เคยอยู่บนเวทีขับไล่นายกฯ ทั้งนายกฯแพทองธาร และอดีตนายกฯทักษิณทั้งสิ้น ได้แก่ คุณสมชาย แสวงการ อดีต สว. / อาจารย์คมสัน โพธิ์คง นักกฎหมาย และ คุณดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีต สว.ตัวตึง ซึ่งเคยร่วมกับอดีต สว.สมชาย ยื่นสอยนายกฯเศรษฐามาแล้ว 

 

 

 

ที่น่าสนใจ และเพิ่งเปิดตัวเปิดหน้ากันวันนี้ คือ สว.ผู้ร้อง นั่งเรียงกัน 3 คน 

 

 

-พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา สว. ในฐานะประธาน กมธ.ทหาร ตัวเปิดเรื่องปัญหาไทย-กัมพูชา และเป็นผู้นำในการล่าชื่อ สว.ยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญให้ถอดนายกฯ 

-คนกลาง คุณชนินทร์ แก่นหิรัญ สว.ผู้ร้องคดีนายกฯอิ๊งค์ หลายคนเพิ่งทราบว่าคุณชนินทร์ เป็นสว. เพราะเมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งปรากฏภาพนั่งแถลงเป็นหัวหอกผู้ครอบครองที่ดินเขากระโดง ตอบโต้รัฐบาลและการรถไฟฯอย่างดุเดือด 

-อีกคน คือ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. ตัวเปิดที่ออกมาโต้แรง เรื่องคดีฮั้ว สว. 

 

ที่แท้ “ศึก 2 สี” เดิมพันเก้าอี้คดี "นายกฯอิ๊งค์" ทนายตระกูล "การเมืองบุรีรัมย์" พรึ่บ!

 

 


ทนายตระกูลการเมืองบุรีรัมย์พรึ่บ!

 

-ชนินทร์ แก่นหิรัญ’ เปิดตัวเป็นทนายความของฝั่ง สว.ผู้ร้องถอดถอนนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ในศาลรัฐธรรมนูญ

หลังเคยปรากฎข่าว เป็นทนาย-ทีมกฎหมาย ในกรณีที่ดินเขากระโดง และที่ดินสนามกอล์ฟปากช่องของครอบครัวนายอนุทิน ชาญวีรกูล

 

ที่แท้ “ศึก 2 สี” เดิมพันเก้าอี้คดี "นายกฯอิ๊งค์" ทนายตระกูล "การเมืองบุรีรัมย์" พรึ่บ!

 

 

 

ฝั่งผู้ร้องที่ไปศาล

 

-พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว.
-พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว.
-ชนินทร์ แก่นหิรัญ
-ตฤณ แก่นหิรัญ
-อมร สุวรรณโรจน์ นิติกรของวุฒิสภา

 

สองคนแรกเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่ยื่นคำร้อง ก็คงไม่แปลกอะไร แต่ที่น่าสังเกตคือ ชนินทร์ แก่นหิรัญ ซึ่งพบว่าเป็นทนายความในคดีเขากระโดง และเป็นทนายความของครอบครัว "ชิดชอบ" 

ส่วน ตฤณ แก่นหิรัญ พบว่าเป็นทนายความในคดีของศักดิ์สยาม ชิดชอบ ถือหุ้น หจก.บุรีเจริญคอนสตรักชั่น

และทนายชื่อคล้ายๆ กันนี้ ยังทำคดีฟ้องร้องกันระหว่าง “ประมุขค่ายสีน้ำเงิน” กับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และ “รองประมุขค่ายสีน้ำเงิน” กับ เสี่ยชูวิทย์ อีกด้วย

 

นอกจากนั้น ทนายความของกลุ่มเอกชน 35 ราย ที่ยื่นฟ้องการรถไฟฯ ที่คัดค้านการออกโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดง ก็เป็นคนของ “ค่ายสีน้ำเงิน” เพราะได้รับแต่งตั้งเป็นอนุญาโตตุลาการของสมาคมกีฬาใหญ่ระดับประเทศสมาคมหนึ่ง 

 

ซึ่ง “เครือข่ายสีน้ำเงิน” เข้าไปยึดครองยาวนานเป็นทศวรรษ และมีอำนาจชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างสมาคม สโมสรกีฬา และนักกีฬา เรียกว่าอำนาจล้น กระจายตำแหน่ง แบ่งเก้าอี้กันอย่างเป็นระบบ ครบวงจร 

 

 

ที่แท้ “ศึก 2 สี” เดิมพันเก้าอี้คดี "นายกฯอิ๊งค์" ทนายตระกูล "การเมืองบุรีรัมย์" พรึ่บ!

 

 

เผยทนายเขากระโดง เคยนั่ง ปธ.อนุฯ รฟท. ส่อขัดมรรยาท?

 

สำหรับ นายชนินทร์ แก่นหิรัญ ทนายความคดีเขากระโดง พบว่าเมื่อปี 2563 เคยได้รับแต่งตั้งเป็นประธานอนุกรรมการด้านกฎหมายและสัญญา ของการรถไฟแห่งประเทศไทย 

 

มีอำนาจหน้าที่ ให้คำปรึกษา แนะนำ และพิจารณากลั่นกรองร่างกฎหมาย ร่างข้อบังคับ ร่างระเบียบ ร่างสัญญา รวมทั้งพิจารณาปัญหาข้อกฎหมาย และข้อสัญญาที่สำคัญแก่คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย

มีอำนาจเชิญบุคคลหรือเรียกให้พนักงาน รฟท. มาให้ข้อมูลความเห็น ข้อเสนอแนะ ข้อกฎหมาย หรือขอเอกสารใดๆที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะอนุกรรมการ เชิญผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกมาให้คำปรึกษาแนะนำได้ตามความเหมาะสม ,แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาช่วยดำเนินงานตามความเหมาะสม 

และจัดทำกฎบัตร ด้านกฎหมายและสัญญาให้สอดคล้องกับขอบเขตความรับผิดชอบในการดำเนินงานของ รฟท. โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ รฟท.

 

ดังนั้นก็มีความเป็นไปว่า นายชนินทร์ อาจเข้าข่ายกระทำผิดข้อบังคับสภาทนายความ เรื่องมรรยาทต่อตัวความ ข้อ 13 ที่ระบุว่า "ได้รับปรึกษาหารือ หรือได้รู้เรื่องกรณีแห่งคดีใด โดยหน้าที่อันเกี่ยวข้องกับคู่ความฝ่ายหนึ่ง แล้วภายหลังไปรับเป็นทนายความ หรือใช้ความรู้ที่ได้มานั้นช่วยเหลือคู่ความ อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นปรปักษ์อยู่ในกรณีเดียวกัน" ก็เป็นได้หรือไม่

ตามปกติแล้ว ทนายความถ้าทำคดีให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้ว จะไม่รับทำคดีให้อีกฝ่ายหนึ่ง อย่างเช่นเคยทำคดีให้ฝ่ายโจทก์แล้ว ก็จะไม่ไปรับทำคดีให้ฝ่ายจำเลยในคดีเดียวกัน

 

 

 

ที่แท้ “ศึก 2 สี” เดิมพันเก้าอี้คดี "นายกฯอิ๊งค์" ทนายตระกูล "การเมืองบุรีรัมย์" พรึ่บ!