svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“วัส ติงสมิตร” เปิดความหมาย “มาตรฐานทางจริยธรรม” โยงคดีคลิปเสียง

“วัส ติงสมิตร” เปิดความหมาย “มาตรฐานทางจริยธรรม” โยงคดีคลิปเสียงนายกฯ ในศาล รธน. รวมถึงคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรี

20 สิงหาคม 2568 นายวัส ติงสมิตร อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฏีกา  ให้ข้อมูลมาตรฐานทางจริยธรรมของนายกรัฐมนตรีมีความหมายอย่างไร ก่อนถึงวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดไต่สวน น.ส.แพทองธาร  ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี ในคดีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จ ฮุน เซน ไว้อย่างน่าสนใจ  “เนชั่นทีวี” ขอนำมาเสนอ ดังนี้    

 

มาตรฐานทางจริยธรรมของนายกรัฐมนตรี หมายความว่าอย่างไร?

 

1.รัฐธรรมนูญปี 2560 เขียนเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมของรัฐมนตรีอยู่ 2 แห่ง

 

แห่งแรก เขียนอยู่ในส่วนที่เกี่ยวกับ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่า ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และต้องไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง (มาตรา 160 (4) และ (5))

วัส ติงสมิตร

 

จึงทำให้รัฐธรรมนูญต้องเขียนให้การตรวจสอบในเรื่องนี้อยู่ในอำนาจของศาล รธน.เหมือนการตรวจสอบคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามในข้ออื่นๆ

 

เช่น มีสัญชาติโดยการเกิดหรือไม่ ติดยาเสพติดให้โทษหรือไม่ เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริตหรือไม่ อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่

 

2. แห่งที่ 2 รัฐธรรมนูญกำหนดให้ศาล รธน.และองค์กรอิสระ 5 องค์กร ร่วมกันกำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมขึ้นใช้บังคับแก่ตุลาการศาล รธน.และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ

 

มาตรฐานทางจริยธรรมดังกล่าวต้องครอบคลุมถึงการรักษาเกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ และต้องระบุให้ชัดแจ้งด้วยว่า การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมใดมีลักษณะร้ายแรง

แพทองธาร ชินวัตร

 

ในการจัดทำมาตรฐานทางจริยธรรมดังกล่าว ต้องรับฟังความคิดเห็นของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และคณะรัฐมนตรีประกอบด้วย และเมื่อประกาศใช้บังคับแล้วให้ใช้บังคับแก่ สส. สว. และคณะรัฐมนตรีด้วย (มาตรา 219)

 

3. ผู้เขียนในขณะดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ร่วมกับประธานอีก 5 องค์กรจัดทำมาตรฐานทางจริยธรรมดังกล่าว โดยต้องจัดทำให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ (คือวันที่ 6 เมษายน 2560) หากไม่แล้วเสร็จภายในกำหนด ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระต้องพ้นจากตำแหน่ง (มีทั้งหมด 42 คน) ตามมาตรา 276

 

4. ในที่สุดการจัดทำมาตรฐานทางจริยธรรมดังกล่าวก็แล้วเสร็จภายในกำหนด 1 ปี ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ 30 มกราคม 2561 และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2561 เป็นต้นมา

 

5. มาตรฐานทางจริยธรรมดังกล่าว ประกอบด้วย มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการและอันเป็นค่านิยมหลัก รวมทั้งจริยธรรมทั่วไป มีเนื้อหาส่วนที่เป็นจริยธรรมรวม 22 ข้อ และกำหนดว่าการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการ ให้ถือว่ามีลักษณะร้ายแรง ส่วนการฝ่าฝืนในกรณีอื่นจะถือว่ามีลักษณะร้ายแรงหรือไม่ จะต้องพิจารณาถึงพฤติกรรมของการฝ่าฝืน เจตนาและความร้ายแรงที่เกิดจากการฝ่าฝืนนั้น

 

ที่สำคัญ ความซื่อสัตย์สุจริตก็จัดเป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานทางจริยธรรม แต่การฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมทั้งหมดอยู่ภายใต้การตรวจสอบของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และศาลฎีกา (มาตรา 235) ไม่ใช่หน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ

 

การเขียนเรื่องรัฐมนตรีมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบ โดยไม่รู้ว่ามาตรฐานทางจริยธรรมนั้นมีเนื้อหาอะไรบ้าง และกรณีใดที่จะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนอย่างร้ายแรง นอกจากจะเป็นบทบัญญัติที่ไม่ชัดเจนแล้ว ยังเป็นการตรวจสอบที่ซ้ำซ้อนกับอำนาจการตรวจสอบของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และศาลฎีกา ซึ่งมีรายละเอียดของมาตรฐานทางจริยธรรมรองรับ

 

การเขียนบทบัญญัติเช่นนี้จึงไม่น่าจะถูกต้อง

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อคลอดออกมาเป็นรัฐธรรมนูญแล้ว ก็ต้องทู่ซี้ใช้กันต่อไป

 

6. นายกรัฐมนตรีคนแรกที่ต้องพ้นจากตำแหน่งจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า ขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง คือนายเศรษฐา ทวีสิน กรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

โดยศาล รธน.นำมาตรฐานทางจริยธรรมที่ 6 องค์กรร่วมกันจัดทำตามรัฐธรรมนูญดังกล่าวมาใช้บังคับ ซึ่งคงยากที่ตอบได้ว่า หากมีคดีทำนองนี้เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 6 เมษายน 2560 ถึงวันที่ 30 มกราคม 2561 (ในขณะที่การจัดทำมาตรฐานทางจริยธรรมไม่แล้วเสร็จและประกาศใช้บังคับ) ศาล รธน.จะวินิจฉัยปัญหาการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างไร

 

ส่วน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะได้รับผลจากการถูก สว. 36 คน กล่าวหาด้วยข้อหาเดียวกันกับการกล่าวหาอดีตนายกฯ เศรษฐา (แต่มีพฤติการณ์แห่งคดีที่แตกต่างกัน) หรือไม่ คงต้องรอดูว่า เธอจะไปเบิกความต่อศาล รธน.ในวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดของเธอหรือไม่

 

และหากไม่มีการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก่อนวันศาล รธน.มีคำวินิจฉัย ศาล รธน.จะวินิจฉัยคดีนี้ในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 อย่างไร โปรดอย่ากระพริบตา