
9 สิงหาคม 2568 ที่ จ.สุรินทร์ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ ของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว วันนี้เมื่อได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน
ตนจะใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติ ว่าการใช้อาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชา จะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด
และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน
การเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลกได้ตระหนักว่า เราเป็นผู้ที่อยู่ภายใต้กฎหมาย กฎบัตรสหประชาชาติ ธรรมเนียม ในขณะที่อีกฝ่ายมีการละเมิดอยู่ตลอดเวลา เพราะเราพยายามเรียกร้องให้เขามาเจรจาผ่านกลไกทวิภาคีตลอดเวลา เพราะฉะนั้นการที่เราไปเจรจา GBC แล้วได้ผลสำเร็จ ทำให้เขากลับมานั่งโต๊ะเจรจาทวิภาคี และยืนยันว่าจะใช้กลไกที่มีอยู่แล้วระหว่างกัน คือ JBC RBC และ GBC เป็นสิ่งที่ทุกประเทศทั่วโลกยอมรับ
นอกจากนี้ ตนมายืนยันให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่ที่ให้การดูแลประชาชน ให้สบายใจว่าประเทศสมาชิกอาเซียน มิตรประเทศของเรา สนับสนุนแนวทางที่เราใช้แก้ไข ปัญหาระหว่างที่มีการปะทะกัน เป็นไปตามหลักสากลอย่างแท้จริง และมิตรประเทศก็ให้การสนับสนุน ขอให้ทุกท่านทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และความสบายใจ และแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างเต็มที่ เพราะได้รับการยอมรับและสนับสนุนจากมิตรประเทศ
ส่วนจะต้องมีคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวของอาเซียนที่จะมาติดตามข้อตกลงหยุดยิง หรือไม่ นายมาริษ ระบุว่า ขณะนี้กลไกที่เราเรียกร้องมาตั้งแต่ต้น ได้รับการยอมรับ และมันทำให้สบายใจกันมากขึ้น ไม่ใช่แค่กับสองประเทศ แต่ทั้งประชาคมโลกด้วย ซึ่งในช่วงที่ตนเดินทางไปประชุมที่นิวยอร์ก สหรัฐฯ ก็ยืนยันแต่แรกว่า ปัญหาเกิดขึ้นจากสองประเทศ ดังนั้นทั้งสองประเทศต้องเป็นผู้แก้ปัญหา ซึ่งทุกประเทศก็สนับสนุน จึงต้องคุยกันต่อไป โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ โดยหากมีการละเมิด กลไก RBC ก็จะเป็นหลักในการมานั่งพูดคุยกัน
ส่วนจะมีคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross) และองค์กรสหประชาชาติ (UN) มาหรือไม่ นายมาริษ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังประสานอยู่ เราพร้อมอำนวยความสะดวกให้องค์กรทั้งหลาย เรื่อง ICRC เป็นนโยบายเชิงรุกของรัฐบาล เมื่อมีการปะทะกัน ในการโจมตีเป้าหมายเป็นพลเรือน ทำให้เราพยายามติดต่อ ICRC เขาก็รีบเข้ามาหลังการปะทะคลี่คลาย ได้ให้หน่วยงานทั้งหลาย ทั้ง UN ที่เจนีวา และที่นิวยอร์ก ได้ประสานทั้งหมด และยังมีทูตอีกหลายประเทศที่อยากมาดู เราก็จะประสานให้